John Holland — From a Construction and Infrastructure Company to a "Leader in Smart Infrastructure Innovation and Digital Services for a Sustainable Future"
- AI Transformation Readiness
- Feb 6
- 9 min read
Updated: 20 hours ago

John Holland has demonstrated that investing in modern digital infrastructure not only reduces operational costs but also enhances competitiveness at both regional and global levels. This initiative serves as a clear example for organizations seeking to upgrade their digital infrastructure to respond effectively to changes in the Digital and AI era.
Business Overview
Challenges
Goals and Outcomes
Part 1: AI TRANSFORMATION READINESS
John Holland has successfully transformed from a traditional construction and infrastructure company into a leader in smart infrastructure innovation and digital services for a sustainable future. The evaluation of the company's AI Transformation Readiness before and after key initiatives — such as the Cloud Observability Uplift Project and the development of new technologies including AI, IoT, and Digital Twin — reveals a profound organizational transformation.
This case provides important insights into how businesses can effectively apply AI to drive sustainable growth.
Changes Reflected in the AI Transformation Readiness Assessment (Before and After 2024)

John Holland ยกระดับ AI Transformation Readiness จากระดับ Experimenting (2.51/5) ไปสู่ Optimizing (4.19/5) โดยมุ่งเน้นการบูรณาการ AI, IoT, และ Building Information Modeling (BIM) เข้ากับโครงการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน องค์กรได้เร่ง Digital Transformation ผ่านการใช้ Predictive Analytics เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการ Automation และ Robotics ในงานก่อสร้างเพื่อลดต้นทุนและเสริมความปลอดภัย รวมถึง Digital Twin Technology ที่ช่วยจำลองสถานการณ์ก่อนดำเนินงานจริง
นอกจากนี้ Cloud Observability Uplift Project ได้ช่วยให้ John Holland สามารถปรับปรุงการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ลด Downtime และเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน ส่งผลให้ John Holland สามารถ ลดระยะเวลาการก่อสร้าง เพิ่มความแม่นยำในการวางแผนโครงการ และยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนในอุตสาหกรรม ความสำเร็จนี้ทำให้ John Holland ไม่เพียงแค่ปรับตัวต่อกระแสเทคโนโลยี แต่ยังกลายเป็น ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะและบริการดิจิทัล ที่สามารถแข่งขันในตลาดระดับโลกได้อย่างแข็งแกร่ง
Part 2: NEW GROWTH ENGINE
แผนการสร้างการเติบโตครั้งใหม่สำหรับอนาคตของ John Holland

John Holland ได้แสดงให้เห็นถึง ศักยภาพในการปรับตัวและสร้าง New Growth Engine ในยุคดิจิทัล ผ่านการพัฒนา Cloud Observability Uplift Project ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของบริษัท ความมุ่งมั่นนี้ช่วยให้ John Holland สามารถ แข่งขันในตลาดที่มีพลวัตสูง พร้อมทั้งขยายโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ พลังงานสะอาด ดิจิทัลเทคโนโลยี และนวัตกรรม
New Growth Engine ของ John Holland เป็นกลไกสำคัญที่เสริมศักยภาพธุรกิจในระยะยาว โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน และสร้างระบบนิเวศความร่วมมือที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่และลดความเสี่ยงในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การขับเคลื่อนองค์กรด้วย กลยุทธ์ดิจิทัลที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้ John Holland สามารถพิสูจน์ความสำเร็จของการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ เป็นต้นแบบที่ทรงพลังสำหรับผู้บริหารองค์กรในทุกอุตสาหกรรม ที่ต้องการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล
อ่านต่อ
Part 3: TRANSFORMER MAP
แผนที่การทรานส์ฟอร์มธุรกิจของ John Holland

John Holland ได้ดำเนิน ทรานส์ฟอร์มธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับพลวัตของตลาด โดยใช้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกลไกขับเคลื่อน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก (Transformational Impact) ต่อ ชุมชน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของประเทศ องค์กรได้กำหนด กลยุทธ์ 4 แนวทาง ที่สอดคล้องกับธุรกิจหลักและโอกาสทางการตลาด พร้อมทั้งพัฒนา โมเดลธุรกิจใหม่ ที่ตอบสนองต่อ แนวโน้มอุตสาหกรรมและมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการทรานส์ฟอร์มช่วยให้ John Holland เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายโอกาสทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อ่านต่อ
Part 4: BUSINESS MODEL CANVAS
การพัฒนนาโมเดลธุรกิจใหมของ John Holland

1. Customer Segments (กลุ่มลูกค้า)
กลุ่มลูกค้าของของ John Holland ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมและกลุ่มลูกค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมดิจิทัลที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละกลุ่ม ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ บริษัทเทคโนโลยี ทีมงานภายในองค์กร ผู้สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงนักลงทุนและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ ยังมีการขยายกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยมุ่งเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและทันสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
2. Value Propositions (การเสนอคุณค่า)
มุ่งเน้นการนำเสนอโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูง พร้อมนวัตกรรมดิจิทัลที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม ด้วยการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น Cloud Observability, Digital Twin, และ Building Information Modeling (BIM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความยืดหยุ่นของโครงการ อีกทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการส่งมอบโครงการที่ทันเวลาและงบประมาณ พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสังคม โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าและพันธมิตร
3. Customer Relationships (ความสัมพันธ์กับลูกค้า)
มุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าผ่านการให้บริการที่มีคุณภาพสูง การสื่อสารอย่างโปร่งใส และการสนับสนุนที่ต่อเนื่อง โดยใช้ระบบดิจิทัล เช่น Cloud Observability และแพลตฟอร์มการจัดการโครงการ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความแม่นยำในการดำเนินโครงการ บริษัทให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า การสร้างความไว้วางใจผ่านการส่งมอบโครงการตรงเวลาและตามงบประมาณ รวมถึงการนำเสนอโซลูชันที่ยั่งยืนเพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านธุรกิจและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการให้คำปรึกษาเชิงลึกเพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายในระยะยาว
4. Channels (ช่องทาง)
ใช้ช่องทางที่หลากหลายในการเข้าถึงลูกค้าและส่งมอบคุณค่า รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานโดยตรง
การนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ระบบ Cloud Observability และแพลตฟอร์มการจัดการโครงการแบบรวมศูนย์ มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน
ใช้ช่องทางสื่อสารแบบดิจิทัล เช่น เว็บไซต์ อีเมล การประชุมออนไลน์ และแพลตฟอร์มดิจิทัลภายในองค์กร เพื่อติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและพันธมิตร
การสนับสนุนด้านข้อมูลและการบริการหลังการส่งมอบโครงการ เพื่อสร้างความพึงพอใจและการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
5. Revenue Streams (แหล่งรายได้)
ความสำเร็จของ John Holland ในการสร้างรายได้จากแหล่งที่หลากหลายและครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ช่วยเสริมศักยภาพทางการแข่งขันและเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต ทั้งในด้านการเงินที่เติบโตและผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
บริษัทมีรายได้ รวมกว่า 5,981 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 139,000 ล้านบาท) ในปี 2023 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 10.6% และมีกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 194.7 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 4,660 ล้านบาท) คิดเป็นการเติบโต 31.4%
เพิ่มขนาดงานในมือ (Backlog) จาก 12.3 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 287,000 ล้านบาท) ในปี 2022 เป็น 13.5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 315,000 ล้านบาท) ในปี 2023
รายได้หลักประกอบด้วย
6. Key Activities (กิจกรรมสำคัญ)
การออกแบบและดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ถนน รถไฟ โรงพยาบาล และโครงการพลังงานหมุนเวียน
การบริหารจัดการโครงการอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Building Information Modeling (BIM) และ Digital Twin เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดต้นทุน
การบำรุงรักษาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
กิจกรรมด้านนวัตกรรม เช่น การพัฒนาโซลูชันดิจิทัลใหม่ๆ การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
7. Key Resources (ทรัพยากรสำคัญ)
ทีมงานผู้มีทักษะสูง ในด้านด้านวิศวกรรม การก่อสร้าง และการจัดการโครงการและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำสมัย เช่น Building Information Modeling (BIM), Digital Twin และระบบ Cloud Observability
ฐานข้อมูลโครงการที่ครอบคลุมและเป็นศูนย์กลาง
การลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพสูงและทรัพยากรด้านพลังงานที่ยั่งยืน
8. Key Partnerships (พันธมิตรสำคัญ)
พันธมิตรสำคัญของ John Holland ครอบคลุมหลากหลายกลุ่ม เช่น
หน่วยงานภาครัฐที่สนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
บริษัทเทคโนโลยีที่ช่วยพัฒนาโซลูชันดิจิทัล เช่น Cloud Observability และ Digital Twin
พันธมิตรด้านพลังงานหมุนเวียนที่ร่วมมือในโครงการพลังงานสะอาด เช่น Snowy Hydro 2.0
พันธมิตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อขยายตลาดใหม่และสร้างโอกาสทางธุรกิจ
9. Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน)
John Holland ให้ความสำคัญกับการบริหารโครงสร้างต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในทุกกระบวนการดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับ การพัฒนาความยั่งยืน ความสำเร็จเหล่านี้สะท้อนถึงความสามารถในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ความสามารถในการสร้างรายได้และการทำกำไร สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและเสริมศักยภาพในตลาดโลก
โครงสร้างต้นทุนหลัก
Part 5: DIGITAL TRANSFORMATION CANVAS
ถอดรหัสการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ความสำเร็จของ John Holland ด้วย DIGITAL TRANSFORMATION CANVAS

ส่วนที่ 1: ตั้งหลักทรานส์ฟอร์ม
01. Define New Core Business
การประเมินธุรกิจหลักใหม่
John Holland ได้เปลี่ยนบทบาทจากการเป็น 'บริษัทก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม' มาเป็น 'ผู้นำด้านนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะและบริการดิจิทัลที่ยั่งยืน' เพื่อสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าและชุมชน บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืน เช่น การใช้ Cloud Observability และ Digital Twin ในการบริหารโครงการ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยการขยายตลาดสู่พลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายในการสร้างการเติบโตที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความต้องการของตลาดในอนาคต
02. Define New Value Proposition
นำเสนอข้อเสนอทางคุณค่าใหม่ของธุรกิจ
John Holland ก้าวสู่การเป็น ผู้บริหารโครงการแบบครบวงจร (End-to-End Project Manager) ที่ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการบำรุงรักษา พร้อมทั้งมุ่งเน้นความยั่งยืนและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าในระยะยาว ด้วยแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure Platform) ที่สนับสนุนความโปร่งใสในโครงการ (Project Transparency) และโซลูชันที่มุ่งตอบโจทย์ลูกค้า (Customer-Centric Solutions) ผ่านการนำเทคโนโลยี AI, IoT, และ Digital Twin มาปรับปรุงการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างผลลัพธ์เชิงบวกที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกระดับ
03. Define New Business Model
ออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่
รูปแบบธุรกิจใหม่ของ John Holland แสดงถึงการปรับตัวให้ทันกับการแข่งขันในยุคดิจิทัล โดยเน้นการใช้เทคโนโลยี การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างความยั่งยืน และการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคตที่เพิ่มมูลค่าในระยะยาว ช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความได้เปรียบในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ
5 โมเดลธุรกิจของ John Holland
ส่วนที่ 2: สร้างความสามารถใหม่ด้านดิจิทัล
04. Identify Existing Digital Capabilities
ประเมินขีดความสามารถด้านดิจิทัลในปัจุบัน
อ่านต่อ
05. Develop New Digital Capabilities
กำหนดขีดความสามารถใหม่ด้านดิจิทัล
อ่านต่อ
06. Digital Initiatives & Roadmap
วางแผนและสร้างขีดความสามารถด้านดิจิทัลจากปัจจุบันไปสู่อนาคต
ก่อน เริ่มโครงการ Cloud Observability Uplift Project
ปี 2018-2020 การปรับใช้ระบบคลาวด์ (Cloud Adoption) เริ่มต้นย้ายข้อมูลและระบบการทำงานหลักขึ้นสู่คลาวด์ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความซับซ้อนในการจัดการข้อมูล
ปี 2019 การพัฒนา IoT ในการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐาน (IoT for Infrastructure Monitoring) ใช้ IoT เพื่อติดตามและวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบรางและสะพาน
ปี 2020 การใช้ Predictive Analytics ในการบริหารโครงการ (Predictive Analytics for Project Management) ใช้ข้อมูลเพื่อคาดการณ์ปัญหา เช่น การล่าช้าของโครงการหรือการขาดแคลนทรัพยากร
ระหว่าง โครงการ Cloud Observability Uplift Project
ปี 2021 การสร้างระบบรวมศูนย์ข้อมูล (Centralized Data Platform) สร้างแพลตฟอร์มข้อมูลแบบรวมศูนย์ (Single Source of Truth) เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ
ปี 2021-2022 การใช้ Proactive Monitoring Systems พัฒนาระบบตรวจจับปัญหาเชิงรุกเพื่อระบุปัญหาในระบบล่วงหน้า
ปี 2022 การพัฒนาแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกัน (Collaboration Platforms) ใช้เครื่องมือดิจิทัล เช่น Atlassian และ Microsoft Teams เพื่อสนับสนุนการทำงานข้ามสายงาน
หลัง โครงการ Cloud Observability Uplift Project
ปี 2023 การปรับปรุงระบบ Predictive Maintenance ใช้ AI และ Machine Learning ในการคาดการณ์และบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน
การพัฒนาระบบ Cybersecurity เพิ่มความปลอดภัยในระบบคลาวด์และระบบดิจิทัล
ปี 2023-2024 การขยายโครงการ Net Zero Carbon ใช้เทคโนโลยี IoT และระบบจัดการพลังงานเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน แผนงานระยะยาว (2024-2030)
แผนงานระยะยาว ปี 2024-2030
ใช้ Digital Twin ในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน สร้างแบบจำลองดิจิทัล (Digital Twin) ของโครงสร้างพื้นฐาน
ลงทุนในระบบ AI และ Edge Computing ใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และ Edge Computing สำหรับการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์
สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบเปิด (Open Digital Platform) เปิดโอกาสให้พันธมิตรและลูกค้าเข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลของบริษัท
ส่วนที่ 3: Transformation in Action
07. Organizational Transformation
ออกแบบการเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล
John Holland ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงองค์กรครั้งสำคัญเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายและโอกาสในยุคดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร วัฒนธรรม และทักษะของพนักงาน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในทุกมิติของการดำเนินงาน
อ่านต่อ
08. Agile Strategy & Planning
เปลี่ยนกลยุทธ์และการดำเนินงานด้วยแนวคิด Agile
เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน John Holland ได้นำ กลยุทธ์ Agile มาใช้เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น ในการดำเนินโครงการ ภายใต้แนวคิด “Transforming Lives” องค์กรมุ่งพัฒนา โซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับ ค่านิยมองค์กรและเป้าหมายด้านความยั่งยืน
อ่านต่อ
09. Building Collaborative Ecosystem
สร้างระบบนิเวศใหม่ที่สร้างการมีส่วนร่วมกันระหว่างในและนอกองค์กร
John Holland มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศความร่วมมือที่แข็งแกร่งผ่านพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
พันธมิตรเหล่านี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดการโครงการ และการส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ บริษัทเทคโนโลยี และผู้ให้บริการในท้องถิ่น เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนและลูกค้าในทุกมิติ ด้วยระบบนิเวศที่หลากหลายและครอบคลุมทุกมิติ John Holland สามารถสร้างความร่วมมือที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับโลก
John Holland ถือเป็นตัวอย่างขององค์กรที่นำแนวคิด AI & Digital Transformation มาใช้ได้อย่างประสบความสำเร็จ สามารถสร้างการเติบโตและความยั่งยืนในโลกธุรกิจยุคใหม่ ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การบริหารจัดการที่ยืดหยุ่น และการสร้างระบบนิเวศความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกมิติ
องค์กรได้ปรับปรุงรูปแบบธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน การสร้างโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ และการให้บริการโซลูชันดิจิทัล การดำเนินงานเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน แต่ยังสร้างมูลค่าในระยะยาวและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง