top of page

J.I.B. Computer Group — จากผู้จัดจำหน่ายสินค้า IT และ E-Commerce สู่ "ผู้นำการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร"

อัปเดตเมื่อ 24 มิ.ย.


J.I.B. Computer Group Case Study: AI Transformation in IT & E-Commerce to a digital-first company, leveraging AI & innovation for business growt
จากผู้จัดจำหน่ายสินค้า IT และ E-Commerce สู่ "ผู้นำการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร"

J.I.B. Computer Group มุ่งเปลี่ยนผ่านจากผู้จัดจำหน่ายสินค้า IT และ E-Commerce ไปสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร โดยมีการลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI, IoT, Big Data และ Blockchain รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง JIB AI และ JIB Solution พัฒนาโดยบริษัท JIBSoft เพื่อตอบโจทย์การบริหารธุรกิจและความต้องการของลูกค้า พร้อมก้าวสู่ผู้นำ AI-Driven Digital Transformation in IT and E-Commerce

สารบัญ



Background

ภาพรวมธุรกิจ (Business Overview)

J.I.B. Computer Group's the official website: https://www.jib.co.th
เว็บไซต์ https://www.jib.co.th/

J.I.B. Computer Group ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2544 เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ IT ในประเทศไทย บริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ IT และโซลูชันสำหรับธุรกิจและองค์กร บริษัทดำเนินธุรกิจผ่านเครือข่ายสาขากว่า 160 แห่งทั่วประเทศ และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่แข็งแกร่งอย่าง JIB Online โดยมีรายได้ออนไลน์คิดเป็น 80% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2022 


J.I.B. ยังลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้หุ่นยนต์ Autonomous Mobile Robots (AMRs) ในคลังสินค้า ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการจัดการสินค้าถึง 99.99% และลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานได้ถึง 60% ในขณะเดียวกัน บริษัทในเครืออย่าง JIBSoft Co., Ltd. ยังพัฒนา JIB Enterprise Software System (JESS) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านอีคอมเมิร์ซ

ความท้าทายที่สำคัญ (Challenges)

  1. การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด IT: การแข่งขันจากคู่แข่งหลัก เช่น COM7, Advise IT Infinite และแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ทำให้ J.I.B. ต้องสร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่ม

  2. การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค: ลูกค้ามีความต้องการสินค้าที่ทันสมัยและบริการแบบ Personalization ซึ่งต้องการการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Big Data และ Predictive Analytics

  3. การจัดการสินค้าคงคลังและความซับซ้อนในการดำเนินงาน: ความหลากหลายของสินค้าและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ J.I.B. ต้องพัฒนาระบบคลังสินค้าและกระบวนการจัดการอย่างต่อเนื่อง

  4. คู่แข่งจากแบรนด์ DTC (Direct-to-Consumer): แบรนด์ไอที เช่น Dell และ HP ขยายช่องทางการขายตรงถึงลูกค้า ทำให้ J.I.B. ต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตโดยตรง

  5. การพึ่งพาตลาดในประเทศ: แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในประเทศไทยที่มีการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเฉลี่ย 10% ต่อปี อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาตลาดเพียงประเทศเดียวเพิ่มความเสี่ยงต่อความผันผวนของเศรษฐกิจและกำลังซื้อ

J.I.B. Computer Group เผชิญความท้าทายที่สำคัญหลายประการตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ J.I.B. เร่งดำเนินการทำ AI & Digital Transformation เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนในระยะยาว

เป้าหมายและผลลัพธ์ (Goals and Outcomes)

  1. AI Transformation in IT and E-Commerce: เพื่อยกระดับจากบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ IT สู่การเป็นผู้นำด้านโซลูชันดิจิทัลแบบครบวงจร มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลในอุตสาหกรรม IT ของไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI, IoT, Cloud และระบบอัตโนมัติมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงพัฒนาบริการ IT สำหรับองค์กร เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตครั้งใหม่

  2. ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า: เพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าผ่านการให้บริการที่เป็นเลิศ การสร้างประสบการณ์แบบ Omnichannel และการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล

  3. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการผลิต: พัฒนาห่วงโซ่อุปทานและคลังสินค้าด้วยการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ลดต้นทุนแรงงานได้ถึง 60% และเพิ่มความแม่นยำของการจัดการสินค้าถึง 99.99%

  4. ขยายตลาดออนไลน์และการเติบโตในต่างประเทศ: พัฒนารายได้จากช่องทางออนไลน์ เช่น JIB Online ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 80% ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด พร้อมทั้งขยายสู่ตลาดใหม่ในภูมิภาค เช่น ลาวและเมียนมา เพื่อลดการพึ่งพาตลาดในประเทศและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

  5. สนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืน: ปรับตัวให้สอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืนระดับโลก โดยการผสมผสานโซลูชันพลังงานสีเขียวในกระบวนการ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


Part 1: AI TRANSFORMATION READINESS


การประเมินระดับ AI Transformation Readiness ก่อนและหลังปี 2024 สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงดังนี้


AI TRANSFORMATION READINESS LEVEL: J.I.B. Computer Grou
AI TRANSFORMATION READINESS LEVEL ก่อนและหลังการดำเนินการของ J.I.B. Computer Group

🚀 Accelerate: สร้างแผนธุรกิจและแผนปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนด้วย AI แผน AI Transformation & Business Plan ฉบับสมบูรณ์



Part 2: AI TRANSFORMATION CANVAS


AI Transformation Canvas กรณีศึกษา J.I.B. Computer Group
AI Transformation Canvas กรณีศึกษา J.I.B. Computer Group
J.I.B. พัฒนา AI Transformation Readineess จากระดับ Experimenting (2.6/5) ไปสู่ Optimizing (4.1/5) อย่างมีนัยสำคัญ โดยมี ความพร้อมด้านเทคโนโลยีและเครื่องมือ ความพร้อมด้านข้อมูล และความพร้อมของบุคลากร เป็นปัจจัยหลักที่เร่งการทรานส์ฟอร์ม องค์กรได้ดำเนินทำ Digital Transformation อย่างมีกลยุทธ์ ส่งผลให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับประสบการณ์ลูกค้า พร้อมเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาด IT และ E-Commerce ผ่านความร่วมมือระดับโลกและการพัฒนาศักยภาพบุคลากร จนก้าวสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร ความสำเร็จนี้ทำให้ J.I.B. เป็นต้นแบบขององค์กรที่ปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

🚀 Accelerate: สร้างแผนธุรกิจและแผนปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนด้วย AI แผน AI Transformation & Business Plan ฉบับสมบูรณ์



Part 3: NEW GROWTH ENGINE

แผนการสร้างการเติบโตครั้งใหม่สำหรับอนาคตของ J.I.B. Computer Group


NEW GROWTH ENGINE: J.I.B. Computer Group
NEW GROWTH ENGINE แผนการสร้างการเติบโตครั้งใหม่สำหรับอนาคตของ J.I.B. Computer Group
การสร้าง New Growth Engine ของ J.I.B. Computer Group เกิดจากการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลผ่าน Disruption, Disruptive Innovation, Disruptive Technology และการพัฒนา Platform Business ที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยการนำนวัตกรรมดิจิทัล เช่น AI, Big Data, และ IoT เข้ามาเสริมศักยภาพในด้านการบริการลูกค้า การบริหารซัพพลายเชน และการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ พร้อมทั้งขยายสู่ธุรกิจแพลตฟอร์มผ่าน JIBSoft เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรและ SMEs การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ J.I.B. รักษาความเป็นผู้นำในตลาด IT และ E-Commerce แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล

อ่านต่อ

1. Disruption: รับมือการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce

J.I.B. ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce ทั้งจากคู่แข่งเดิม เช่น COM7, Advice IT Infinite, IT City และผู้เล่นใหม่ในตลาด เช่น Lazada, Shopee และ Facebook Marketplace ที่นำเสนอประสบการณ์ช็อปปิ้งออนไลน์ที่สะดวกและครบวงจร นอกจากนี้ แบรนด์ IT ระดับโลก เช่น Dell, HP และ Huawei ยังพัฒนาโมเดล Direct-to-Consumer (DTC) ทำให้ J.I.B. ต้องเร่งปรับตัวด้วยกลยุทธ์ใหม่ เช่น 

  • เสริมความแข็งแกร่งของช่องทางออนไลน์ผ่าน JIB Online: ขยายการขายผ่าน Omnichannel Platforms เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อที่ราบรื่นและครอบคลุมทุกช่องทาง ให้รองรับการใช้งานบนมือถือ (Mobile-First Shopping) พร้อมฟีเจอร์ One-Click Checkout และรองรับการชำระเงินผ่าน e-Wallet เพื่อสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ราบรื่น

  • พัฒนาโปรแกรม JIB Rewards Loyalty Program: ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำ ด้วยระบบสะสมคะแนนที่แลกสิทธิพิเศษและส่วนลดได้ เป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มความภักดี


2. Disruptive Innovation: สร้างสรรค์นวัตกรรมที่เปลี่ยนเกม

J.I.B. ไม่เพียงแค่ปรับตัวเพื่อแข่งขันในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce แต่ยังสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่มองหาประสบการณ์การซื้อที่ Seamless, รวดเร็ว และปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalized Experience) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคสำคัญที่กำหนดแนวโน้มตลาดในยุคดิจิทัล

  • JIB AI Chatbot: โซลูชัน Business Intelligence (BI) และ Knowledge Management (KM) ระบบ Chatbot อัจฉริยะที่ตอบคำถามลูกค้าแบบเรียลไทม์ พร้อมแนะนำสินค้าเฉพาะบุคคลตาม ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลดเวลาตัดสินใจของลูกค้า ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแม่นยำ พร้อมตอบคำถามและแก้ปัญหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง

  • Personalized Marketing: ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า พร้อมนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงใจเฉพาะบุคคล


3. Disruptive Technology: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ

J.I.B. นำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI, Blockchain, IoT และ Predictive Analytics มาปรับใช้ในกระบวนการทำงานาเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ เช่น

  • Predictive Analytics: ช่วยคาดการณ์แนวโน้มการซื้อสินค้าล่วงหน้า ทำให้บริษัทสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดและบริหารสต็อกให้เหมาะสม

  • Blockchain: นำมาใช้ในระบบการชำระเงิน เพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใสในกระบวนการ

  • IoT: ใช้ในการติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ในคลังสินค้า ช่วยลดความผิดพลาดในระบบซัพพลายเชน

  • Big Data Analytics: วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล

  • ระบบ Order Management System (OMS) และ Warehouse Management System (WMS): เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อและลดข้อผิดพลาดในระบบคลังสินค้า

  • ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse): ใช้หุ่นยนต์ Autonomous Mobile Robots (AMRs) ที่ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำถึง 99.99% พร้อมลดต้นทุนแรงงานลง 60% 


4. Platform Business: การสร้างธุรกิจแบบแพลตฟอร์ม

J.I.B. ได้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจในยุคดิจิทัล ขยายฐานลูกค้าองค์กร และเพิ่มรายได้จากบริการเสริมด้วยโซลูชันดิจิทัล อาทิ 

  • JIBSoft: บริการ SaaS ที่ครอบคลุมการจัดการธุรกิจ เช่น ระบบ CRM และระบบบัญชี ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน Customer Experience Management (CXM): แพลตฟอร์มที่ติดตามและวิเคราะห์ประสบการณ์ลูกค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและการรักษาลูกค้า

  • JIB Enterprise Software System (JESS): การพัฒนาแพลตฟอร์ม JESS ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับองค์กรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้าน B2B และสร้างรายได้ใหม่ 

  • Carbon Credit Solutions: แพลตฟอร์มที่สนับสนุนองค์กรในการลดรอยเท้าคาร์บอน ผ่านการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต


Part 4: TRANSFORMER MAP

แผนที่การทรานส์ฟอร์มธุรกิจของ J.I.B. Computer Group


TRANSFORMER MAP: J.I.B. Computer Group
TRANSFORMER MAP แผนที่การทรานส์ฟอร์มธุรกิจของ J.I.B. Computer Group
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา J.I.B. ได้ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่สามารถรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม แต่ยังคงสามารถสร้างเติบโตในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเสริมความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการสร้างโอกาสและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ

อ่านต่อ

J.I.B. Computer Group ได้วางแผนกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce ครอบคลุม 4 มิติหลัก ดังนี้ 


1. Core Business + Current Market: เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจหลักในตลาดเดิม

  • ใช้กลยุทธ์ Refocused Strategy เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดเดิมของสินค้า IT และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยเน้นการพัฒนาช่องทางขายออนไลน์ JIB Online ให้แข็งแกร่งขึ้น

  • นำระบบคลังสินค้าอัตโนมัติมาใช้ เช่น Autonomous Mobile Robots (AMRs) เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการจัดการสินค้าถึง 99.99% รวมถึงลดต้นทุนแรงงานถึง 60% เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแพลตฟอร์ม E-Commerce และคู่แข่งในตลาดได้

  • พัฒนา JIB AI ซึ่งเป็นระบบ Business Intelligence (BI), Knowledge Management (KM) และ Customer Service Chatbot ที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและการให้บริการลูกค้า


2. Core Business + New Market: ขยายธุรกิจหลักเข้าสู่ตลาดใหม่

  • เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ในกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่มองหาประสบการณ์การซื้อแบบ Seamless และรวดเร็ว โดยปรับปรุงแพลตฟอร์ม JIB Online ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทันสมัย เช่น ระบบแนะนำสินค้าเฉพาะบุคคล (Personalized Recommendation) และการชำระเงินแบบ One-Click Checkout รวมถึงการพัฒนา Loyalty Program อย่าง JIB Rewards เพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำและสร้างความภักดีในกลุ่มลูกค้าเหล่านี้

  • เสริมความสามารถด้านการตลาดดิจิทัล เช่น การใช้ Social Media และแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ผ่านช่องทางที่พวกเขาใช้งานบ่อยที่สุด เช่น Facebook, Instagram, และ TikTok ทำให้สามารถขยายตลาดของ Core Business ไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ขยายการให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม B2B และบริการเสริม สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และองค์กรขนาดใหญ่ เช่น โซลูชัน IT ระบบ CRM และ Order Management System (OMS) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรในตลาดเหล่านี้

  • เข้าสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาวและเมียนมาร์ โดยใช้จุดแข็งจากเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่มีอยู่ และการพัฒนาช่องทางออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย พร้อมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


3. New Core Business + Current Market: สร้างบริการใหม่ในตลาดเดิม

  • พัฒนาบริการ SaaS ผ่าน JIBSOFT ซึ่งออกแบบระบบสำหรับการจัดการองค์กร เช่น ระบบบัญชี ระบบ CRM และ ERP รวมถึง Customer Experience Management (CXM) สำหรับตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรและ SMB เพื่อช่วยองค์กรต่าง ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาด IT ที่เปลี่ยนแปลง 

  • บริการ Training & Workshop ให้การฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้งานซอฟต์แวร์ การวิเคราะห์ข้อมูล และกระบวนการดิจิทัลแก่ลูกค้าองค์กร


4. New Core Business + New Market: พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ในตลาดใหม่

  • พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลและบริการใหม่ เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) ที่สามารถตอบโจทย์ตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการสนับสนุนธุรกิจ B2B ระดับภูมิภาค

  • การเข้าสู่ธุรกิจ Carbon Credit Solutions ที่สนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ในการลดรอยเท้าคาร์บอน ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืน

  • การนำเสนอโซลูชัน Digital Transformation Consulting เพื่อช่วยลูกค้าองค์กรวางแผนการทรานส์ฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจร

  • การพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะสำหรับองค์กร (Customized Software Development) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การศึกษา การเงิน และโลจิสติกส์


Part 5: BUSINESS MODEL CANVAS

การพัฒนนาโมเดลธุรกิจใหมของ J.I.B. Computer Group


Business Model Canvas: J.I.B. Computer Group
Business Model Canvas ของ J.I.B. Computer Group

1. Customer Segments (กลุ่มลูกค้า)

J.I.B. Computer Group ให้บริการแก่ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มลูกค้า B2C, B2B, ภาครัฐ, อุตสาหกรรมเฉพาะ และ กลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ควบคู่ไปกับเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาด IT และ E-Commerce รวมถึงธุรกิจการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร

อ่านต่อ

  • กลุ่มลูกค้ารายบุคคล (B2C)

    • กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป: ผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ IT ที่มีคุณภาพสูงและบริการหลังการขายที่ไว้วางใจได้

    • กลุ่ม Gen Z และ Millennials: ผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่มองหาประสบการณ์การซื้อที่ Seamless และรวดเร็ว โดยเน้นการช็อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และมือถือ รวมถึงต้องการการบริการที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalized Experience)

  • กลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B):

    • ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs): กลุ่มธุรกิจที่ต้องการโซลูชัน IT ครบวงจร เช่น ระบบการจัดการคำสั่งซื้อ (OMS) และระบบคลังสินค้า (WMS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

    • องค์กรขนาดใหญ่: บริษัทที่ต้องการเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบ Business Intelligence (BI) หรือโซลูชัน Customer Experience Management (CXM) เพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า

  • กลุ่มลูกค้าภาครัฐ (Government) 

    • หน่วยงานภาครัฐที่ต้องการระบบ IT ที่มีความปลอดภัยสูงและสามารถรองรับความต้องการเฉพาะของโครงการ เช่น ระบบจัดการข้อมูล (Knowledge Management)

  • กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมเฉพาะ (Industry-Specific Clients)

    • กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการโซลูชันเฉพาะ เช่น การใช้ IoT ในการจัดการคลังสินค้า หรือ Carbon Credit Solutions เพื่อลดรอยเท้าคาร์บอน

  • กลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ เช่น ประเทศลาวและเมียนมา


2. Value Propositions (การเสนอคุณค่า)

บริษัทสร้างความแตกต่างและมอบคุณค่าให้กับทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าองค์กรผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce พร้อมด้วยการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร ประกอบด้วย

  • ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง (High-Quality Products & Services)

  • เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย (Advanced Technology)

  • บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform Services)

  • ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalized Customer Experience)

  • ความสะดวกและการเข้าถึงง่าย (Convenience and Accessibility)

  • ความยั่งยืน (Sustainability)


3. Customer Relationships (ความสัมพันธ์กับลูกค้า)

มุ่งเน้นการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในทุกกลุ่ม ด้วยกลยุทธ์และเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มความภักดี (Customer Loyalty) และยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) โดยครอบคลุมทั้งลูกค้ารายย่อย (B2C) และลูกค้าองค์กร (B2B)

อ่านต่อ

  • การออกแบบประสบการณ์ลูกค้าแบบ Omnichannel รองรับการซื้อสินค้าผ่านทุกช่องทางแบบไร้รอยต่อ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ซื้อสินค้าออนไลน์แล้วไปรับที่หน้าร้าน อัตราความพึงพอใจของลูกค้า Omnichannel สูงถึง 90% ลดการละทิ้งตะกร้าสินค้าในช่องทางออนไลน์ลง 10%

  • การสนับสนุนและบริการลูกค้า (Customer Support) มีศูนย์ Call Center และบริการลูกค้าออนไลน์ผ่าน Chatbot และ Live Chat ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าและบริการ, JIB AI Chatbot มาใช้ช่วยตอบคำถามแบบเรียลไทม์ เช่น การตรวจสอบสถานะคำสั่งซื้อ ลดเวลาการตอบคำถามของลูกค้าได้ถึง 50% ความพึงพอใจจากบริการลูกค้าเพิ่มขึ้น (Customer Satisfaction Score) 20%

  • การรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย (After-Sales Service) นโยบายการรับประกันสินค้าและการซ่อมแซมที่รวดเร็ว พร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ บริการเปลี่ยนสินค้าภายใน 7 วันในกรณีที่สินค้าเสียหาย ลดอัตราการร้องเรียนของลูกค้าลง 15% สร้างความไว้วางใจในแบรนด์และการซื้อซ้ำ

  • การส่งเสริมการขายแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเพื่อส่งโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล เช่น การส่งอีเมลโปรโมชั่นสินค้า IT ที่ลูกค้าเคยซื้อหรือสนใจผ่านระบบ Automation อัตรา Conversion Rate จากแคมเปญการตลาดเพิ่มขึ้น 15% สร้างความพึงพอใจในความต้องการเฉพาะบุคคล

  • จัดกิจกรรมและ Roadshows เพื่อพบปะลูกค้า เช่น การสาธิตผลิตภัณฑ์ใหม่ การจัดกิจกรรมลดราคาพิเศษในงาน Commart

  • การสร้างชุมชนลูกค้า (Customer Community) สร้างกลุ่มลูกค้าใน Social Media เช่น Facebook Group, Discord เพื่อให้ลูกค้าแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า สนับสนุนให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นหรือรีวิวสินค้าช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และ Engagement Rate ใน Social Media เพิ่มขึ้น 30%

  • โปรแกรมสะสมคะแนน JIB Rewards Loyalty Program แลกเป็นส่วนลดหรือสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดพิเศษ บริการจัดส่งฟรี ฟีเจอร์ Personalized Rewards ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อเสนอที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการซื้อ จำนวนสมาชิก Loyalty Program เพิ่มขึ้น 40% ภายในปี 2023 ลูกค้าสมาชิกมีการใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่าลูกค้าทั่วไป 25%

  • มีทีมเพื่อดูแลลูกค้าองค์กรแบบเฉพาะเจาะจง พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าและโซลูชัน IT ที่เหมาะสม รายได้จากกลุ่ม B2B เพิ่มขึ้น 15% ต่อปี ความพึงพอใจจากลูกค้าองค์กร (B2B Customer Satisfaction) สูงถึง 90%


4. Channels (ช่องทาง)

ใช้ช่องทางการสื่อสารและจัดจำหน่ายหลากหลายรูปแบบเพื่อเข้าถึงลูกค้า ทั้งกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป (B2C) และกลุ่มองค์กร (B2B) โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบ Omnichannel ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ

อ่านต่อ

  • ช่องทางออฟไลน์ (Offline Channels) มีหน้าร้านกว่า 160 สาขาทั่วประเทศ และการจัดแสดงสินค้าผ่าน Event และ Roadshow เช่น การสนับสนุนงาน Esports ยอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ระหว่างการจัดกิจกรรม และช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในกลุ่มเป้าหมายใหม่ในกลุ่ม Gen Z และ Millennials

  • ช่องทางออนไลน์ (Online Channels)

  • เว็บไซต์ E-Commerce ของ J.I.B. (JIB Online) เป็นแพลตฟอร์มหลักที่สร้างรายได้จากการขายออนไลน์ รองรับระบบ Mobile-First Design และ One-Click Checkout เพื่อประสบการณ์ที่สะดวกสำหรับลูกค้า

  • แพลตฟอร์ม E-Marketplace เช่น Lazada, Shopee เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและเข้าถึงลูกค้าออนไลน์ โดยมีการใช้ระบบ AI ในการจัดการคำสั่งซื้อที่เข้ามาผ่าน Marketplace ลดเวลาการตอบสนองคำสั่งซื้อลง 25%

  • ช่องทาง Social Media ใช้ Facebook, Instagram, TikTok และ YouTube ในการสื่อสารกับลูกค้า เน้นการ Live Commerce ผ่าน Facebook และ TikTok เพื่อสร้างยอดขายแบบเรียลไทม์ การขายผ่าน Marketplace และ Social Media เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่กว่า 100,000 คนในปีที่ผ่านมา

  • Mobile Application แอป JIB Rewards สำหรับลูกค้าสมาชิก Loyalty Program รวมฟีเจอร์สะสมแต้ม แลกรับสิทธิพิเศษ และติดตามโปรโมชั่น มีผู้ดาวน์โหลดแอปมากกว่า 1 ล้านครั้ง

  • การขนส่งและจัดส่งสินค้า (Delivery Channels) ใช้ระบบจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติและพันธมิตรขนส่ง เช่น Kerry และ DHL เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว ลดเวลาในการจัดส่งสินค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ถึง 30%ขยายเครือข่ายจัดส่งสินค้าไปยังประเทศลาวและเมียนมาเปิดตลาดใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มยอดขาย 5%

  • การขายตรงให้กับลูกค้าองค์กรและหน่วยงานภาครัฐ


5. Revenue Streams (แหล่งรายได้)

J.I.B. Computer Group สร้างแหล่งรายได้จากหลายช่องทาง โดยมุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาโซลูชันใหม่เพื่อสร้างความหลากหลายของรายได้

อ่านต่อ

  • รายได้จากการขายสินค้า IT (IT Product Sales) รายได้หลักมาจากการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น โน้ตบุ๊ก พีซี อุปกรณ์เกมมิ่ง และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ เช่น CPU, GPU, เมนบอร์ด ฯลฯ การขายซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เช่น Microsoft Office, Adobe, และซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย (Antivirus) การขายอุปกรณ์เสริม (Accessories) เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ คิดเป็น 80% ของรายได้รวมของบริษัท

  • รายได้จากช่องทาง E-Commerce (E-Commerce Revenue) เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 200 ล้านบาท การเติบโตเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี ได้ JIB Online คิดเป็น 80% ของรายได้จากการขายออนไลน์ทั้งหมด และช่องทาง Third-party Platforms เช่น Lazada และ Shopee มีรายได้รวมคิดเป็น 20% ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด

  • รายได้จากบริการหลังการขาย (After-Sales Services) เช่น การรับประกันสินค้า การซ่อมแซม และการบำรุงรักษา

  • รายได้จากการตลาดและโฆษณา (Marketing & Advertising Revenue) เช่น การโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มของ JIB Online ร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ ในการจัดแคมเปญโปรโมชัน ช่วยสร้างรายได้เสริมอย่างต่อเนื่อง

  • รายได้จากการให้คำปรึกษาและพัฒนาโซลูชัน IT (IT Consulting & Solutions) การบริการหลังการขายช่วยสร้างความภักดีของลูกค้า และช่วยเพิ่มรายได้เสริมจากค่าบริการ

  • รายได้จากแพลตฟอร์มและ SaaS (Platform & SaaS Revenue) ดำเนินการโดย JIBSoft เช่น ระบบ CRM, Order Management System (OMS), และ Customer Experience Management (CXM) คิดเป็น 10% ของรายได้รวม ในปี 2024

  • รายได้จากการขายผ่านธุรกิจองค์กร (B2B Revenue) เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษา โดย J.I.B. ให้บริการสินค้าและโซลูชัน IT แบบครบวงจร การจัดโครงการและงานประมูล เช่น การจัดหาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ IT สำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รายได้จาก B2B เพิ่มขึ้น 12% ต่อปี ขยายฐานลูกค้าองค์กรใหม่กว่า 100 องค์กรต่อปี ขยายฐานลูกค้า SMEs เพิ่มขึ้น 20%

  • รายได้จากโครงการพิเศษ (Special Projects Revenue) บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, IoT และ Blockchain Solutions ช่วยสร้างมูลค่าระยะยาว รวมถึง Carbon Credit Solutions แพลตฟอร์มที่ช่วยองค์กรลดรอยเท้าคาร์บอนและบริหารคาร์บอนเครดิต


6. Key Activities (กิจกรรมสำคัญ)

มุ่งเน้นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความสามารถทางธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างความแตกต่างในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้า กิจกรรมสำคัญเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการซัพพลายเชน การบริหารสินค้าคงคลัง การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ไปจนถึงการการบริการหลังการขายและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและพันธมิตรในระยะยาว

อ่านต่อ

  • การจัดการและปรับปรุงซัพพลายเชน (Supply Chain Management) เช่น ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse) ใช้ Autonomous Mobile Robots (AMRs) เพื่อเพิ่มความแม่นยำถึง 99.99% ลดต้นทุนแรงงานลง 60% เพิ่มความเร็วในการจัดการคำสั่งซื้อและส่งมอบสินค้าได้ถึง 30% และยังสามารถรองรับการจัดการคำสั่งซื้อจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) ใช้ Big Data และ Predictive Analytics เพื่อคาดการณ์แนวโน้มสินค้าขายดี และปรับสมดุลสต็อกให้เหมาะสมกับความต้องการ

  • บริการหลังการขาย (After-Sales Services) และ การให้บริการลูกค้า (Customer Service Activities) เช่น การรับประกันสินค้า การซ่อมแซม และการให้คำปรึกษาด้าน IT สำหรับลูกค้าบุคคลและองค์ก

  • การพัฒนาและดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform Development & Maintenance)

  • JIB Online: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีส่วนแบ่งรายได้ออนไลน์ถึง 80% พัฒนาด้วยฟีเจอร์ Mobile-First Shopping, ระบบ One-Click Checkout และการรองรับ e-Wallet

  • JIBSoft: บริการ SaaS เช่น CRM, Order Management System (OMS), Warehouse Management System (WMS) และ Customer Experience Management (CXM)

  • การวิเคราะห์ข้อมูล (Big Data Analytics) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และนำเสนอสินค้า/โปรโมชั่นที่เหมาะสมในแบบเฉพาะบุคคล

  • การพัฒนานวัตกรรม AI เช่น ระบบ JIB AI ระบบ Chatbot อัจฉริยะสำหรับ Business Intelligence (BI) และ Knowledge Management (KM) ที่ช่วยตอบคำถามลูกค้าและแนะนำสินค้าแบบ Personalized และเพิ่มความแม่นยำในการให้คำแนะนำสินค้าและบริการ

  • การพัฒนาโซลูชันสำหรับธุรกิจองค์กร เช่น บริการ IT สำหรับ SMEs และ Carbon Credit Solutions

  • การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี (Innovation & Technology Development)

  • การวิเคราะห์ข้อมูล (Big Data Analytics) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และนำเสนอสินค้า/โปรโมชั่นที่เหมาะสมในแบบเฉพาะบุคคล

  • การพัฒนานวัตกรรม AI เช่น ระบบ JIB AI ระบบ Chatbot อัจฉริยะสำหรับ Business Intelligence (BI) และ Knowledge Management (KM) ที่ช่วยตอบคำถามลูกค้าและแนะนำสินค้าแบบ Personalized และเพิ่มความแม่นยำในการให้คำแนะนำสินค้าและบริการ

  • การพัฒนาโซลูชันสำหรับธุรกิจองค์กร เช่น บริการ IT สำหรับ SMEs และ Carbon Credit Solutions

  • การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน (Employee Training & Development) อบรมพนักงานในด้าน AI, Data Analytics และ UX/UI Design จัดโครงการ Upskilling & Reskilling เพื่อให้พนักงานสามารถใช้งานเทคโนโลยีใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

  • การขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ (Market Expansion Activities) เช่น ลาวและเมียนมา เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่

7. Key Resources (ทรัพยากรสำคัญ)

ใช้ทรัพยากรสำคัญหลากหลายประเภทเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสร้างความแตกต่าง พร้อมทั้งสร้างโอกาสใหม่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล ทรัพยากรเหล่านี้ครอบคลุมด้าน เทคโนโลยี ทรัพยากรมนุษย์ โครงสร้างพื้นฐาน แบรนด์ ฐานข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญา ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

อ่านต่อ

  • โครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายสาขา (Physical Infrastructure & Branch Network) J.I.B. มีเครือข่ายร้านค้าสาขากว่า 160 แห่งทั่วประเทศที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าทั้งในเมืองและชนบทได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ทรัพยากรบุคคลและทีมผู้เชี่ยวชาญ (Human Resources & Expertise) J.I.B. มีทีมงานที่เชี่ยวชาญในด้าน IT, การตลาดดิจิทัล, และการให้บริการหลังการขาย

  • แบรนด์และความน่าเชื่อถือ (Brand & Reputation) J.I.B. ชื่อเสียงในฐานะผู้นำตลาด IT ด้วยประสบการณ์กว่า 23 ปี ได้รับรองจากแบรนด์ระดับโล เช่น Microsoft, Intel, และ HP ที่มอบสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

  • เทคโนโลยีและระบบดิจิทัล (Technology & Digital Systems) 

    • E-Commerce Platform: JIB Online ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ที่มีส่วนแบ่งรายได้มากถึง 80% ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด

    • คลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse) การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) และเครือข่าย Supply Chain Management การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management)

    • ระบบ SaaS เช่น CRM, Order Management System (OMS), Warehouse Management System (WMS) และ Customer Experience Management (CXM) 

    • Big Data & Analytics: ใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและวางกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Personalization

    • ระบบ JIB AI Chatbot สำหรับตอบคำถามและแนะนำสินค้าตามความต้องการของลูกค้า

  • ฐานข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญา (Data Assets & Intellectual Property ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้า และข้อมูลจากโปรแกรม JIB Rewards ที่ช่วยวางแผนกลยุทธ์การตลาดและเพิ่มการซื้อซ้ำ รวมถึงโซลูชันที่พัฒนาโดย JIBSOFT เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) และ JIB AI ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ช่วยสร้างความแตกต่างในตลาด ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และเพิ่มรายได้จากการให้บริการซอฟต์แวร์ (SaaS)

  • ทุนทางการเงิน (Financial Resources) งบประมาณการลงทุนในระบบเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน รวมถึงงบประมาณในการขยายสาขาและการเจาะตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาวและเมียนมา ช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวและรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม IT และดิจิทัล


8. Key Partnerships (พันธมิตรสำคัญ)

บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในหลายภาคส่วน เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจ ขยายผลิตภัณฑ์และบริการ และเพิ่มโอกาสในการเติบโตระยะยาว ความร่วมมือนี้ครอบคลุมทั้งด้านเทคโนโลยี การจัดจำหน่าย นวัตกรรม และ ความยั่งยืน ส่งผลให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมขยายฐานลูกค้า B2C และ B2B อย่างต่อเนื่อง การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างโอกาสใหม่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

อ่านต่อ

  • ผู้ผลิตสินค้า IT ระดับโลก (Global IT Manufacturers) เช่น Microsoft, Intel, Dell, Lenovo, ASUS, HP, Huawei และ Apple ช่วยให้ J.I.B. สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม

  • พันธมิตรด้าน E-Commerce และ Marketplace (E-Commerce Platforms) เช่น Lazada, Shopee, JD Central และ Facebook Marketplace ช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่และสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์

  • ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Logistics Providers) เช่น Kerry Express, Flash Express และ DHL เพื่อให้การจัดส่งสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

  • พันธมิตรด้านการเงินและการชำระเงิน (Financial & Payment Partners) เช่น ธนาคารชั้นนำและผู้ให้บริการ e-Wallet อย่าง TrueMoney, Rabbit Line Pay และ ShopeePay เพิ่มตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายสำหรับลูกค้า

  • ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology Partnerships) เช่น Quicktron และบริษัทผู้พัฒนาระบบ IoT ใช้หุ่นยนต์ Autonomous Mobile Robots (AMRs) ในคลังสินค้าเพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดต้นทุน นำระบบ IoT และ AI มาช่วยในการจัดการสินค้าคงคลังและการวิเคราะห์ข้อมูล

  • พันธมิตรด้านบริการ SaaS และซอฟต์แวร์ (SaaS & Software Partners) เพื่อรองรับธุรกิจ B2B และ B2C

  • ภาคการศึกษา องค์กร และหน่วยงานภาครัฐ (Educational, Enterprise, and Government Partners) ในการให้บริการ IT Solutions และจัดอบรมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล

  • การร่วมมือกับองค์กรขนาดใหญ่และ SMEs: จัดหาโซลูชัน IT แบบครบวงจร เช่น CRM, WMS และ Carbon Credit Solutions

  • สื่อและแพลตฟอร์มโฆษณา (Media & Advertising Platforms) เช่น Google Ads, Facebook Ads และ TikTok ใช้การตลาดแบบดิจิทัลเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

  • พันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Environmental & Sustainability Partners) พัฒนาบริการ Carbon Credit Solutions เพื่อสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ในการลดรอยเท้าคาร์บอนผ่านการจัดการคาร์บอนเครดิต


9. Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน)

การบริหารโครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพของ J.I.B. Computer Group ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมของบริษัทลง 15%-20% ในปี 2024 ผ่านการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แต่ยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้โดยมีอัตรากำไร (Profit Margin) เพิ่มขึ้นมากถึง 10% สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

อ่านต่อ

  • ต้นทุนสินค้า ต้นทุนการจัดซื้ออุปกรณ์ IT, ซอฟต์แวร์, และสินค้าไอทีจากผู้ผลิตระดับโลก เช่น Dell, HP, Lenovo, ASUS, Huawei และ Apple

  • ต้นทุนการดำเนินงานคลังสินค้า การจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพด้วยระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ

  • เช่น Autonomous Mobile Robots (AMRs) ช่วยลดต้นทุนแรงงาน 60%

  • ค่าใช้จ่ายด้าน IoT และระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System - WMS) ลดต้นทุนการจัดการคลังสินค้าลง 15%

  • ค่าใช้จ่ายสำหรับแคมเปญการตลาดดิจิทัล เช่น Google Ads, Facebook Ads, TikTok และ SEO การพัฒนาโปรแกรม Loyalty Program เช่น JIB Rewards เพื่อสร้างความภักดีของลูกค้า ค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารแพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น JIB Online, Shopee, และ Lazada

  • เพิ่ม Traffic บนแพลตฟอร์ม JIB Online ได้ถึง 25% และลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าลง 20%

  • ค่าใช้จ่ายด้านการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผ่านพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ เช่น Kerry Express, Flash Express, และ DHL

  • การลงทุนในระบบ IoT และ AI เพื่อปรับปรุงการจัดการซัพพลายเชน

  • ลดเวลาการจัดส่งสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลลงเหลือ 24 ชั่วโมง

  • เพิ่มอัตราความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) ในการจัดส่งสินค้าได้ถึง 90%

  • การพัฒนาโซลูชัน Omnichannel ที่เชื่อมต่อระหว่างสาขาและช่องทางออนไลน์

  • การลงทุนพัฒนาโซลูชัน SaaS เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) แล ระบบ Personalized Marketing

  • JIB AI Chatbot ช่วยลดต้นทุนการบริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามได้ 24/7

  • ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Predictive Analytics, IoT และระบบ Knowledge Management (KM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูล

  • ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า

  • การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing

  • ต้นทุนการตลาดและการขาย 

  • ค่าใช้จ่ายสำหรับแคมเปญการตลาดดิจิทัล เช่น Google Ads, Facebook Ads, TikTok และ SEO การพัฒนาโปรแกรม Loyalty Program เช่น JIB Rewards เพื่อสร้างความภักดีของลูกค้า ค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารแพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น JIB Online, Shopee, และ Lazada

  • เพิ่ม Traffic บนแพลตฟอร์ม JIB Online ได้ถึง 25% และลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าลง 20%

  • ค่าใช้จ่ายด้านการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผ่านพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ เช่น Kerry Express, Flash Express, และ DHL

  • การลงทุนในระบบ IoT และ AI เพื่อปรับปรุงการจัดการซัพพลายเชน

  • ลดเวลาการจัดส่งสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลลงเหลือ 24 ชั่วโมง

  • เพิ่มอัตราความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) ในการจัดส่งสินค้าได้ถึง 90%

  • การพัฒนาโซลูชัน Omnichannel ที่เชื่อมต่อระหว่างสาขาและช่องทางออนไลน์

  • การลงทุนพัฒนาโซลูชัน SaaS เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) แล ระบบ Personalized Marketing

  • JIB AI Chatbot ช่วยลดต้นทุนการบริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามได้ 24/7

  • ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Predictive Analytics, IoT และระบบ Knowledge Management (KM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูล

  • ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า

  • การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing

  • ต้นทุนโลจิสติกส์และการจัดส่ง 

  • ค่าใช้จ่ายด้านการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผ่านพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ เช่น Kerry Express, Flash Express, และ DHL

  • การลงทุนในระบบ IoT และ AI เพื่อปรับปรุงการจัดการซัพพลายเชน

  • ลดเวลาการจัดส่งสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลลงเหลือ 24 ชั่วโมง

  • เพิ่มอัตราความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) ในการจัดส่งสินค้าได้ถึง 90%

  • การพัฒนาโซลูชัน Omnichannel ที่เชื่อมต่อระหว่างสาขาและช่องทางออนไลน์

  • การลงทุนพัฒนาโซลูชัน SaaS เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) แล ระบบ Personalized Marketing

  • JIB AI Chatbot ช่วยลดต้นทุนการบริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามได้ 24/7

  • ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Predictive Analytics, IoT และระบบ Knowledge Management (KM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูล

  • ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า

  • การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing

  • ต้นทุนการจัดการและบำรุงรักษาสาขา ค่าเช่าพื้นที่, ค่าบำรุงรักษา, และค่าสาธารณูปโภคสำหรับสาขามากกว่า 160 แห่งทั่วประเทศไทย

  • ต้นทุนการพัฒนาและบำรุงรักษาเทคโนโลยี

  • การพัฒนาโซลูชัน Omnichannel ที่เชื่อมต่อระหว่างสาขาและช่องทางออนไลน์

  • การลงทุนพัฒนาโซลูชัน SaaS เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) แล ระบบ Personalized Marketing

  • JIB AI Chatbot ช่วยลดต้นทุนการบริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามได้ 24/7

  • ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Predictive Analytics, IoT และระบบ Knowledge Management (KM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูล

  • ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า

  • การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing

  • ต้นทุนด้านพันธมิตรและการร่วมมือ การลงทุนร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาบริการใหม่ เช่น Carbon Credit Solutions และ Customer Experience Management (CXM) ช่วยสร้างรายได้จากบริการ SaaS และโซลูชันองค์กรเพิ่มขึ้น 15% ของรายได้รวม

  • ต้นทุนด้านบุคลากร

  • ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า

  • การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing

  • ต้นทุนการบริหารจัดการ ค่าใช้จ่ายในการบริหารสำนักงาน, การจัดการทรัพยากรบุคคล, และการบริหารโครงการดิจิทัล


Part 6: DIGITAL TRANSFORMATION CANVAS

ถอดรหัสการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ความสำเร็จของ J.I.B. Computer Group ด้วย DIGITAL TRANSFORMATION CANVAS


DIGITAL TRANSFORMATION CANVAS: J.I.B. Computer Group
DIGITAL TRANSFORMATION CANVAS ของ J.I.B. Computer Group

ส่วนที่ 1:  ตั้งหลักทรานส์ฟอร์ม


01. Define New Core Business

การประเมินธุรกิจหลักใหม่

J.I.B. Computer Group ได้ขยายขอบเขตจากการเป็น "ผู้จัดจำหน่ายสินค้า IT และ E-Commerce" สู่การเป็น "ผู้นำในการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร (Comprehensive Digital Solutions Provider)" เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาด IT และดิจิทัลทั้งในประเทศไทยและระดับภูมิภาค

02. Define New Value Proposition

นำเสนอข้อเสนอทางคุณค่าใหม่ของธุรกิจ

มุ่งเน้นการนำเสนอโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าในยุคดิจิทัล ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย

อ่านต่อ

อาทิ

  • JIB AI สำหรับการบริหารจัดการข้อมูลและการบริการลูกค้า

  • แพลตฟอร์ม JIBSOFT SaaS ที่ตอบโจทย์การจัดการธุรกิจแบบครบวงจร พร้อมด้วยระบบ OMS และ WMS ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

  • CXM (Customer Experience Management) ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

  • Personalized Marketing พัฒนาระบบการตลาดเฉพาะบุคคล เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อที่ราบรื่น (Seamless) ตอบสนองกลุ่มลูกค้า Gen Z และ Millennials ซึ่งมองหาความสะดวก รวดเร็ว และความเชื่อถือได้

  • สร้างความแตกต่างด้วยความเชี่ยวชาญในการให้ บริการหลังการขาย และการสนับสนุนอย่างครอบคลุม ที่คู่แข่งยากต่อการลอกเลียนแบบ


03. Define New Business Model

ออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่

J.I.B. Computer Group ได้มีพัฒนารูปแบบธุรกิจครอบคลุมทั้งการผสานช่องทางการจัดจำหน่ายแบบ Omnichannel การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การมอบโซลูชัน SaaS และการสนับสนุนความยั่งยืน ผสานการใช้เทคโนโลยี AI, Big Data, และ Predictive Analytics ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ตลาดและการบริหารจัดการ ทำให้บริษัทสามารสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล

5 โมเดลธุรกิจของ J.I.B.

1. ธุรกิจ E-Commerce และ Omnichannel

  • ขยายการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ JIB Online, Shopee, Lazada, และ JD Central

  • พัฒนา Omnichannel ที่เชื่อมต่อการซื้อสินค้าแบบออนไลน์และออฟไลน์เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อแบบไร้รอยต่อ (Seamless Shopping Experience)

2. ธุรกิจบริการ SaaS (Software as a Service)

  • ให้บริการโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมการจัดการธุรกิจ เช่น

  • Order Management System (OMS) และ Warehouse Management System (WMS)

  • Customer Relationship Management (CRM)

  • Customer Experience Management (CXM) เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า

  • ใช้แพลตฟอร์ม JIBSOFT เพื่อส่งมอบบริการให้กับ SMEs และองค์กร

  • UX/UI Design

  • การให้คำปรึกษาด้าน Digital Transformation

  • Data & Analytics Consulting

3. ธุรกิจนวัตกรรม AI และ Big Data

  • เปิดตัว JIB AI Chatbot สำหรับการให้บริการลูกค้าแบบเรียลไทม์

  • ใช้ Big Data Analytics และ Predictive Analytics ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและคาดการณ์แนวโน้มการซื้อ

  • เพิ่มความแม่นยำในการนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Marketing)

4. ธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์และบริการที่ปรับแต่งได้ (Customized Development Services)

  • ให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะทาง เช่น

  • UX/UI Design

  • การให้คำปรึกษาด้าน Digital Transformation

  • Data & Analytics Consulting

  • จัดการฝึกอบรมและเวิร์กช็อปเพื่อเพิ่มทักษะทางดิจิทัลให้กับลูกค้าองค์กร

5. ธุรกิจการจัดการความยั่งยืน (Sustainability Solutions)

  • พัฒนาแพลตฟอร์ม Carbon Credit Solutions เพื่อช่วยองค์กรลดรอยเท้าคาร์บอน

  • นำเสนอสินค้าและบริการที่เน้นความยั่งยืน เช่น การลดการใช้ทรัพยากรในกระบวนการจัดส่งและการจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ


ส่วนที่ 2:  สร้างความสามารถใหม่ด้านดิจิทัล


04. Identify Existing Digital Capabilities

ประเมินขีดความสามารถด้านดิจิทัลในปัจุบัน

ก่อนการดำเนินการทรานส์ฟอร์มธุรกิจในปี 2015 บริษัทมีการใช้ระบบไอที การบูรณาการข้อมูล และระบบอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม


05. Develop New Digital Capabilities

กำหนดขีดความสามารถใหม่ด้านดิจิทัล

  • AI-Powered Predictive Analytics เพื่อคาดการณ์แนวโน้มการซื้อของลูกค้าในเชิงลึก ปรับปรุง JIB AI Chatbot ให้สามารถตอบคำถามเชิงลึก พร้อมให้คำแนะนำที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalized Recommendations) ได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความเร็วในการตอบคำถามลูกค้า 30% และลดอัตราการตอบคำถามผิดพลาดลง 20%

  • Customer Experience Management (CXM) ด้วยระบบ Omnichannel Integration รวมช่องทางการสื่อสารและการจัดจำหน่ายทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวผ่าน Omnichannel Platform ลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าลง 20% และเพิ่มคะแนนความพึงพอใจลูกค้า (Customer Satisfaction Score) ขึ้น 25%

  • SaaS (Software as a Service) Expansion ขยายบริการ SaaS เช่น Order Management System (OMS), Warehouse Management System (WMS), และ CRM สู่ตลาด B2B ตั้งเป้าหมายให้รายได้จาก SaaS คิดเป็น 15% ของรายได้รวม

  • Blockchain Payment System ปรับปรุงระบบในการทำธุรกรรมเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัย ลดการร้องเรียนเรื่องธุรกรรมผิดพลาดลง 15% ภายในปีแรก

  • IoT-Enabled Supply Chain Management เพื่อติดตามและจัดการคลังสินค้าแบบเรียลไทม์

  • Digital Twin Technology เพื่อจำลองการดำเนินงานในโลกดิจิทัล ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ


06. Digital Initiatives & Roadmap

วางแผนและสร้างขีดความสามารถด้านดิจิทัลจากปัจจุบันไปสู่อนาคต

  • ปี 2024 ขยายข้อเสนอเพื่อรวมโซลูชันอัจฉริยะโดยผสานรวม AI และเทคโนโลยีข้อมูลขั้นสูงเพื่อเสริมพลังให้ธุรกิจบรรลุนวัตกรรมและประสิทธิภาพที่มากขึ้น อาทิ JIB AI: Business Intelligence (BI), Knowledge Management (KM) และ Customer Service (Chatbot)

  • ปี 2021 เปิดตัวโซลูชันแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติและใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจตามข้อมูล

  • ปี 2017 เริ่มให้บริการลูกค้าโดยเน้นที่การพัฒนาแพลตฟอร์มตามโครงการที่กำหนดเองและการให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การให้คำปรึกษาด้านข้อมูลและการวิเคราะห์ การฝึกอบรมและเวิร์กช็อป

  • ปี 2016 ก่อตั้งบริษัท JIBSoft จำกัด ด้วยภารกิจในการขยายมรดกแห่งความสำเร็จของ J.I.B. Computer Group ไปสู่ขอบเขตของโซลูชันซอฟต์แวร์อัจฉริยะครบวงคจรและสนับสนุน J.I.B. Computer Group ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มอบโซลูชันเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อาทิ JESS (JIB Enterprise Software System), O2O Commerce solution, ระบบ Customer Experience Management (CXM), ระบบ Order Management System (OMS) & Warehouse Management System (WMS), การพัฒนาซอฟต์แวร์และการออกแบบ UX/UI

  • ปี 2015 พัฒนาระบบการควบคุมสินค้าคงคลังอัจฉริยะ สามารถควบคุมสินค้าคงคลังในระดับ SKU เพื่อให้แต่ละ SKU มีปริมาณไม่เกินจำนวนที่สามารถขายหมดภายใน 30 วัน และมีสต็อกเพียงพอต่อความต้องการอย่างแม่นยำ 95% พบว่าคำแนะนำของระบบสามารถช่วยลดต้นทุนการสั่งซื้อและการจัดเก็บได้ 4.46% และลดกระแสเงินสดที่จำเป็นสำหรับการซื้อสินค้าได้ 23.10%



ส่วนที่ 3: Transformation in Action


07. Organizational Transformation

ออกแบบการเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล

J.I.B. ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างครอบคลุมเพื่อตอบสนองความท้าทายของยุคดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ตั้งแต่การปรับปรุงวิสัยทัศน์ พันธกิจ โครงสร้างองค์กร วัฒนธรรมองค์กร ระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในกระบวนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มุ่งเน้นการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และการเสริมความสามารถของบุคลากรในยุคดิจิทัล การดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ช่วยเปลี่ยนแปลงองค์กรให้มีความทันสมัย ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านต่อ

กิจกรรมการดำเนินงานที่สำคัญ:


  • กำหนดวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ จากการเป็นผู้นำผู้จัดจำหน่ายสินค้า IT และ E-Commerce สู่การเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร

  • พัฒนาโปรแกรม Digital Upskilling สำหรับพนักงาน เช่น การฝึกอบรม AI, Big Data และระบบ Cloud เพื่อเพิ่มทักษะด้านดิจิทัล

  • สร้างแผนก Digital Innovation Unit เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันใหม่สำหรับลูกค้าและองค์กร

  • ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ให้มีความยืดหยุ่นและรองรับการทำงานแบบ Agile เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนองต่อตลาด

  • ลงทุนในระบบ IT Infrastructure ใหม่ เช่น ระบบคลาวด์และแพลตฟอร์ม CXM เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันและการให้บริการลูกค้า

  • นำระบบ KPI ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล มาใช้เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานในทุกมิติ

  • ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ผ่านกิจกรรมภายในองค์กร เช่น Hackathon หรือ Idea Lab

  • พัฒนาระบบ HR Management Platform ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารบุคลากร เช่น ระบบ e-Learning และการจัดการประสิทธิภาพพนักงาน

  • สร้างแผน Roadmap การเปลี่ยนแปลงองค์กร 5 ปี ที่ชัดเจน โดยกำหนดเป้าหมายในแต่ละปีเพื่อการติดตามและปรับปรุง

  • พัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อร่วมพัฒนานวัตกรรมและเพิ่มศักยภาพขององค์กร


08. Agile Strategy & Planning

เปลี่ยนกลยุทธ์และการดำเนินงานด้วยแนวคิด Agile

มุ่งเน้น ความยืดหยุ่นและความรวดเร็ว ในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce ผ่านกลยุทธ์ Agile ที่เน้นการเรียนรู้จากผลลัพธ์ ปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ส่งผลให้องค์กรสามารถ ตัดสินใจได้ทันท่วงที ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างความสามารถในการแข่งขันใหม่ แม้ในสภาวะที่ไม่แน่นอน กลยุทธ์นี้ช่วยให้ J.I.B. สร้างโอกาสใหม่ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

อ่านต่อ

  • การพัฒนากระบวนการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก Big Data และ AI เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ ลดเวลาในการวางแผนและนำแผนงานไปปฏิบัติจากเดิม 20%

  • Agile Cross-Functional Teams สร้างทีมที่มีความหลากหลายทางทักษะเพื่อลดความซับซ้อนในโครงการและส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างแผนก เช่น ทีม IT, การตลาด และการขาย

  • พัฒนาวัฒนธรรมการเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) ด้วยการใช้แนวทาง Iterative Planning ที่ทำให้สามารถประเมินและปรับปรุงแผนได้ทุก 2-4 สัปดาห์ และนำแนวคิด Feedback Loop มาใช้ในกระบวนการพัฒนาโซลูชัน

  • การบริหารโครงการแบบ Agile ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล พัฒนา Project Management Tools เพื่อติดตามความคืบหน้าและปรับแผนได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อด้วยระบบ OMS

  • การวางแผนกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น (Flexible Planning) ออกแบบกลยุทธ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภ ตั้งเป้าหมายการวางแผนแบบสั้น (Short-Term Goals) เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความชัดเจนในการดำเนินงาน


09. Building Collaborative Ecosystem

สร้างระบบนิเวศใหม่ที่สร้างการมีส่วนร่วมกันระหว่างในและนอกองค์กร

J.I.B. มุ่งสร้าง ระบบนิเวศความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดดิจิทัล ผ่านการร่วมมือกับ แบรนด์ IT ชั้นนำ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล และแพลตฟอร์ม E-Commerce เพื่อขยายฐานลูกค้าและพัฒนานวัตกรรมด้านโซลูชันไอที นอกจากนี้ J.I.B. ยังทำงานร่วมกับ SMEs และองค์กรขนาดใหญ่ ในการพัฒนาโซลูชันเฉพาะทางที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ความร่วมมือนี้ช่วยเพิ่ม ความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรม การเข้าถึงลูกค้า และขีดความสามารถดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

อ่านต่อ

  • ร่วมมือกับแบรนด์ IT ระดับโลก เช่น Dell, HP, Huawei, และ ASUS เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและล้ำสมัย

  • แพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น Lazada, Shopee, JD Central เพื่อขยายช่องทางการขายออนไลน์และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่

  • ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ เช่น DHL และ Kerry Express เพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดส่งสินค้าและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

  • ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ผู้พัฒนาระบบ AI, Big Data และ IoT สำหรับการปรับปรุงระบบ OMS และ WMS  เพื่อขยายฐานลูกค้าและพัฒนานวัตกรรมด้านโซลูชันไอที

  • JIBSoft Co., Ltd. บริษัทในเครือที่พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) และโซลูชันด้าน SaaS และ AI  เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดดิจิทัล

  • พันธมิตรในอุตสาหกรรมการเงิน เช่น ธนาคารและผู้ให้บริการ e-Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวกในการชำระเงิน

  • ร่วมกับพันธมิตรในระดับองค์กร เช่น ธุรกิจ SMEs และองค์กรขนาดใหญ่ ในการพัฒนาโซลูชันเฉพาะทางที่ตอบสนองต่อความต้องการในยุคดิจิทัล

  • หน่วยงานภาครัฐและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ในการสนับสนุนโครงการด้านความยั่งยืน เช่น Carbon Credit Solutions


ความสำเร็จของ J.I.B. ไม่เพียงแต่สร้างคุณค่าใหม่ให้กับองค์กร แต่ยังเป็นตัวอย่างที่สำคัญสำหรับธุรกิจไทยในการปรับตัวและสร้างความได้เปรียบในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว.

กรณีศึกษาการทรานส์ฟอร์มธุรกิจของ J.I.B. Computer Group สะท้อนถึงความสำเร็จในการปรับตัวและสร้าง New Growth Engine ที่ผสานกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงองค์กรและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างลงตัว


J.I.B. ได้สร้าง Transformer Map แผนที่ทรานสฟอร์มธุรกิจที่ชัดเจน โดยการรักษาตลาดหลัก ขยายสู่ตลาดใหม่ และพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ผ่านการนำเทคโนโลยี AI, Big Data, IoT, และ Blockchain มาใช้ในกระบวนการทำงาน เช่น ระบบ OMS, WMS และแพลตฟอร์ม JIB AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและปรับแต่งประสบการณ์ลูกค้าเฉพาะบุคคล


นอกจากนี้การออกแบบ Business Model Canvas และ Digital Transformation Canvas ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่เข้มแข็งผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญ เช่น แบรนด์ IT ระดับโลก ผู้พัฒนาระบบดิจิทัล และแพลตฟอร์ม E-Commerce ส่งผลให้ J.I.B. สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล เพิ่มความพึงพอใจ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน



พร้อมหรือยังที่จะสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ให้กับองค์กรของคุณ?

ปลดล็อกการเติบโตในอนาคต ก้าวสู่ผู้นำในการเปลี่ยนผ่าน AI อย่างมั่นใจ และเร่งความสำเร็จของคุณตั้งแต่วันนี้


🚀 Accelerate: สร้างแผนธุรกิจและแผนปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนด้วย AI แผน AI Transformation & Business Plan ฉบับสมบูรณ์



🧭 AI Transformation Executive Leadership Program

หลักสูตร In-House Training ทรานส์ฟอร์มธุรกิจในยุค AI สำหรับผู้บริหาร เตรียมความพร้อมองค์กรสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนด้วยแนวทางที่เป็นระบบในการนำ AI มาใช้งาน โดยออกแบบเส้นทางการเปลี่ยนผ่าน (AI Transformation Journey) อย่างครอบคลุม ผ่านกระบวนการเชิงกลยุทธ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ผสมผสานระหว่างมุมมองเชิงปฏิบัติและเครื่องมือที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อผลักดันความสำเร็จทางธุรกิจผ่านการใช้ AI อย่างแท้จริง


แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  • J.I.B. Computer Group. (2024). Annual Report 2024: Business and Digital Transformation Highlights. Retrieved from https://www.jib.co.th

  • JIBSoft Co., Ltd. (2024). JIB Enterprise Software System (JESS): Enhancing Business Operations. Retrieved from https://www.jibsoft.co.th

  • Department of Business Development, Thailand. (2023). Business Registration and Financial Performance Reports: J.I.B. Computer Group. Retrieved from https://www.dbd.go.th

  • Statista. (2023). E-Commerce Market in Thailand: Growth and Trends. Retrieved from https://www.statista.com

  • McKinsey & Company. (2023). Future of IT Retail in Southeast Asia. Retrieved from https://www.mckinsey.com

  • Pearl Abyss. (2023). Partnership Announcement with J.I.B. for Thailand's IT Market Expansion. Retrieved from https://www.pearlabyss.com

  • Lazada Thailand. (2023). Top E-Commerce Performance Metrics in IT and Electronics. Retrieved from https://www.lazada.co.th

  • Shopee Thailand. (2023). IT and Electronics Consumer Trends 2023. Retrieved from https://www.shopee.co.th

  • Thai Retailers Association. (2023). IT Retail Insights and Competitive Analysis. Retrieved from https://www.thairetailer.com

  • PwC Thailand. (2022). Digital Transformation Strategies for IT Businesses. Retrieved from https://www.pwc.com/th

  • Quicktron Robotics. (2023). Autonomous Mobile Robots: Case Study with J.I.B. Computer Group. Retrieved from https://www.quicktron.com

  • Deloitte Southeast Asia. (2022). SME Digital Transformation: Best Practices in IT Industry. Retrieved from https://www2.deloitte.com

  • International Data Corporation (IDC). (2023). AI and IoT in Retail: Trends and Applications in Thailand. Retrieved from https://www.idc.com

  • Thai E-Commerce Association. (2023). Growth of Online Retail in Thailand: Market Insights. Retrieved from https://www.thaiecommerce.org

  • World Economic Forum. (2023). The Future of Retail and E-Commerce in a Digital World. Retrieved from https://www.weforum.org


bottom of page