J.I.B. Computer Group — จากผู้จัดจำหน่ายสินค้า IT และ E-Commerce สู่ "ผู้นำการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร"
- AI Transformation Readiness
- 27 เม.ย.
- ยาว 13 นาที
อัปเดตเมื่อ 24 มิ.ย.

J.I.B. Computer Group มุ่งเปลี่ยนผ่านจากผู้จัดจำหน่ายสินค้า IT และ E-Commerce ไปสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร โดยมีการลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI, IoT, Big Data และ Blockchain รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง JIB AI และ JIB Solution พัฒนาโดยบริษัท JIBSoft เพื่อตอบโจทย์การบริหารธุรกิจและความต้องการของลูกค้า พร้อมก้าวสู่ผู้นำ AI-Driven Digital Transformation in IT and E-Commerce
สารบัญ
Background
ภาพรวมธุรกิจ (Business Overview)

J.I.B. Computer Group ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2544 เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ IT ในประเทศไทย บริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ IT และโซลูชันสำหรับธุรกิจและองค์กร บริษัทดำเนินธุรกิจผ่านเครือข่ายสาขากว่า 160 แห่งทั่วประเทศ และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่แข็งแกร่งอย่าง JIB Online โดยมีรายได้ออนไลน์คิดเป็น 80% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2022
J.I.B. ยังลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้หุ่นยนต์ Autonomous Mobile Robots (AMRs) ในคลังสินค้า ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการจัดการสินค้าถึง 99.99% และลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานได้ถึง 60% ในขณะเดียวกัน บริษัทในเครืออย่าง JIBSoft Co., Ltd. ยังพัฒนา JIB Enterprise Software System (JESS) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านอีคอมเมิร์ซ
ความท้าทายที่สำคัญ (Challenges)
การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด IT: การแข่งขันจากคู่แข่งหลัก เช่น COM7, Advise IT Infinite และแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ทำให้ J.I.B. ต้องสร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่ม
การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค: ลูกค้ามีความต้องการสินค้าที่ทันสมัยและบริการแบบ Personalization ซึ่งต้องการการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Big Data และ Predictive Analytics
การจัดการสินค้าคงคลังและความซับซ้อนในการดำเนินงาน: ความหลากหลายของสินค้าและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ J.I.B. ต้องพัฒนาระบบคลังสินค้าและกระบวนการจัดการอย่างต่อเนื่อง
คู่แข่งจากแบรนด์ DTC (Direct-to-Consumer): แบรนด์ไอที เช่น Dell และ HP ขยายช่องทางการขายตรงถึงลูกค้า ทำให้ J.I.B. ต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตโดยตรง
การพึ่งพาตลาดในประเทศ: แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในประเทศไทยที่มีการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเฉลี่ย 10% ต่อปี อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาตลาดเพียงประเทศเดียวเพิ่มความเสี่ยงต่อความผันผวนของเศรษฐกิจและกำลังซื้อ
J.I.B. Computer Group เผชิญความท้าทายที่สำคัญหลายประการตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ J.I.B. เร่งดำเนินการทำ AI & Digital Transformation เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนในระยะยาว
เป้าหมายและผลลัพธ์ (Goals and Outcomes)
AI Transformation in IT and E-Commerce: เพื่อยกระดับจากบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ IT สู่การเป็นผู้นำด้านโซลูชันดิจิทัลแบบครบวงจร มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลในอุตสาหกรรม IT ของไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI, IoT, Cloud และระบบอัตโนมัติมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงพัฒนาบริการ IT สำหรับองค์กร เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตครั้งใหม่
ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า: เพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าผ่านการให้บริการที่เป็นเลิศ การสร้างประสบการณ์แบบ Omnichannel และการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล
เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการผลิต: พัฒนาห่วงโซ่อุปทานและคลังสินค้าด้วยการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ลดต้นทุนแรงงานได้ถึง 60% และเพิ่มความแม่นยำของการจัดการสินค้าถึง 99.99%
ขยายตลาดออนไลน์และการเติบโตในต่างประเทศ: พัฒนารายได้จากช่องทางออนไลน์ เช่น JIB Online ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 80% ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด พร้อมทั้งขยายสู่ตลาดใหม่ในภูมิภาค เช่น ลาวและเมียนมา เพื่อลดการพึ่งพาตลาดในประเทศและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
สนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืน: ปรับตัวให้สอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืนระดับโลก โดยการผสมผสานโซลูชันพลังงานสีเขียวในกระบวนการ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Part 1: AI TRANSFORMATION READINESS
การประเมินระดับ AI Transformation Readiness ก่อนและหลังปี 2024 สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงดังนี้

🚀 Accelerate: สร้างแผนธุรกิจและแผนปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนด้วย AI แผน AI Transformation & Business Plan ฉบับสมบูรณ์
Part 2: AI TRANSFORMATION CANVAS

J.I.B. พัฒนา AI Transformation Readineess จากระดับ Experimenting (2.6/5) ไปสู่ Optimizing (4.1/5) อย่างมีนัยสำคัญ โดยมี ความพร้อมด้านเทคโนโลยีและเครื่องมือ ความพร้อมด้านข้อมูล และความพร้อมของบุคลากร เป็นปัจจัยหลักที่เร่งการทรานส์ฟอร์ม องค์กรได้ดำเนินทำ Digital Transformation อย่างมีกลยุทธ์ ส่งผลให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับประสบการณ์ลูกค้า พร้อมเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาด IT และ E-Commerce ผ่านความร่วมมือระดับโลกและการพัฒนาศักยภาพบุคลากร จนก้าวสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร ความสำเร็จนี้ทำให้ J.I.B. เป็นต้นแบบขององค์กรที่ปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
🚀 Accelerate: สร้างแผนธุรกิจและแผนปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนด้วย AI แผน AI Transformation & Business Plan ฉบับสมบูรณ์
Part 3: NEW GROWTH ENGINE
แผนการสร้างการเติบโตครั้งใหม่สำหรับอนาคตของ J.I.B. Computer Group

การสร้าง New Growth Engine ของ J.I.B. Computer Group เกิดจากการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลผ่าน Disruption, Disruptive Innovation, Disruptive Technology และการพัฒนา Platform Business ที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยการนำนวัตกรรมดิจิทัล เช่น AI, Big Data, และ IoT เข้ามาเสริมศักยภาพในด้านการบริการลูกค้า การบริหารซัพพลายเชน และการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ พร้อมทั้งขยายสู่ธุรกิจแพลตฟอร์มผ่าน JIBSoft เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรและ SMEs การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ J.I.B. รักษาความเป็นผู้นำในตลาด IT และ E-Commerce แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล
อ่านต่อ
1. Disruption: รับมือการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce
J.I.B. ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce ทั้งจากคู่แข่งเดิม เช่น COM7, Advice IT Infinite, IT City และผู้เล่นใหม่ในตลาด เช่น Lazada, Shopee และ Facebook Marketplace ที่นำเสนอประสบการณ์ช็อปปิ้งออนไลน์ที่สะดวกและครบวงจร นอกจากนี้ แบรนด์ IT ระดับโลก เช่น Dell, HP และ Huawei ยังพัฒนาโมเดล Direct-to-Consumer (DTC) ทำให้ J.I.B. ต้องเร่งปรับตัวด้วยกลยุทธ์ใหม่ เช่น
เสริมความแข็งแกร่งของช่องทางออนไลน์ผ่าน JIB Online: ขยายการขายผ่าน Omnichannel Platforms เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อที่ราบรื่นและครอบคลุมทุกช่องทาง ให้รองรับการใช้งานบนมือถือ (Mobile-First Shopping) พร้อมฟีเจอร์ One-Click Checkout และรองรับการชำระเงินผ่าน e-Wallet เพื่อสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ราบรื่น
พัฒนาโปรแกรม JIB Rewards Loyalty Program: ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำ ด้วยระบบสะสมคะแนนที่แลกสิทธิพิเศษและส่วนลดได้ เป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มความภักดี
2. Disruptive Innovation: สร้างสรรค์นวัตกรรมที่เปลี่ยนเกม
J.I.B. ไม่เพียงแค่ปรับตัวเพื่อแข่งขันในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce แต่ยังสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่มองหาประสบการณ์การซื้อที่ Seamless, รวดเร็ว และปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalized Experience) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคสำคัญที่กำหนดแนวโน้มตลาดในยุคดิจิทัล
JIB AI Chatbot: โซลูชัน Business Intelligence (BI) และ Knowledge Management (KM) ระบบ Chatbot อัจฉริยะที่ตอบคำถามลูกค้าแบบเรียลไทม์ พร้อมแนะนำสินค้าเฉพาะบุคคลตาม ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลดเวลาตัดสินใจของลูกค้า ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแม่นยำ พร้อมตอบคำถามและแก้ปัญหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง
Personalized Marketing: ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า พร้อมนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงใจเฉพาะบุคคล
3. Disruptive Technology: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ
J.I.B. นำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI, Blockchain, IoT และ Predictive Analytics มาปรับใช้ในกระบวนการทำงานาเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ เช่น
Predictive Analytics: ช่วยคาดการณ์แนวโน้มการซื้อสินค้าล่วงหน้า ทำให้บริษัทสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดและบริหารสต็อกให้เหมาะสม
Blockchain: นำมาใช้ในระบบการชำระเงิน เพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใสในกระบวนการ
IoT: ใช้ในการติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ในคลังสินค้า ช่วยลดความผิดพลาดในระบบซัพพลายเชน
Big Data Analytics: วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล
ระบบ Order Management System (OMS) และ Warehouse Management System (WMS): เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อและลดข้อผิดพลาดในระบบคลังสินค้า
ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse): ใช้หุ่นยนต์ Autonomous Mobile Robots (AMRs) ที่ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำถึง 99.99% พร้อมลดต้นทุนแรงงานลง 60%
4. Platform Business: การสร้างธุรกิจแบบแพลตฟอร์ม
J.I.B. ได้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจในยุคดิจิทัล ขยายฐานลูกค้าองค์กร และเพิ่มรายได้จากบริการเสริมด้วยโซลูชันดิจิทัล อาทิ
JIBSoft: บริการ SaaS ที่ครอบคลุมการจัดการธุรกิจ เช่น ระบบ CRM และระบบบัญชี ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน Customer Experience Management (CXM): แพลตฟอร์มที่ติดตามและวิเคราะห์ประสบการณ์ลูกค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและการรักษาลูกค้า
JIB Enterprise Software System (JESS): การพัฒนาแพลตฟอร์ม JESS ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับองค์กรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้าน B2B และสร้างรายได้ใหม่
Carbon Credit Solutions: แพลตฟอร์มที่สนับสนุนองค์กรในการลดรอยเท้าคาร์บอน ผ่านการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต
Part 4: TRANSFORMER MAP
แผนที่การทรานส์ฟอร์มธุรกิจของ J.I.B. Computer Group

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา J.I.B. ได้ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่สามารถรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม แต่ยังคงสามารถสร้างเติบโตในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเสริมความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการสร้างโอกาสและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
อ่านต่อ
J.I.B. Computer Group ได้วางแผนกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce ครอบคลุม 4 มิติหลัก ดังนี้
1. Core Business + Current Market: เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจหลักในตลาดเดิม
ใช้กลยุทธ์ Refocused Strategy เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดเดิมของสินค้า IT และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยเน้นการพัฒนาช่องทางขายออนไลน์ JIB Online ให้แข็งแกร่งขึ้น
นำระบบคลังสินค้าอัตโนมัติมาใช้ เช่น Autonomous Mobile Robots (AMRs) เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการจัดการสินค้าถึง 99.99% รวมถึงลดต้นทุนแรงงานถึง 60% เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแพลตฟอร์ม E-Commerce และคู่แข่งในตลาดได้
พัฒนา JIB AI ซึ่งเป็นระบบ Business Intelligence (BI), Knowledge Management (KM) และ Customer Service Chatbot ที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและการให้บริการลูกค้า
2. Core Business + New Market: ขยายธุรกิจหลักเข้าสู่ตลาดใหม่
เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ในกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่มองหาประสบการณ์การซื้อแบบ Seamless และรวดเร็ว โดยปรับปรุงแพลตฟอร์ม JIB Online ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทันสมัย เช่น ระบบแนะนำสินค้าเฉพาะบุคคล (Personalized Recommendation) และการชำระเงินแบบ One-Click Checkout รวมถึงการพัฒนา Loyalty Program อย่าง JIB Rewards เพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำและสร้างความภักดีในกลุ่มลูกค้าเหล่านี้
เสริมความสามารถด้านการตลาดดิจิทัล เช่น การใช้ Social Media และแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ผ่านช่องทางที่พวกเขาใช้งานบ่อยที่สุด เช่น Facebook, Instagram, และ TikTok ทำให้สามารถขยายตลาดของ Core Business ไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขยายการให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม B2B และบริการเสริม สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และองค์กรขนาดใหญ่ เช่น โซลูชัน IT ระบบ CRM และ Order Management System (OMS) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรในตลาดเหล่านี้
เข้าสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาวและเมียนมาร์ โดยใช้จุดแข็งจากเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่มีอยู่ และการพัฒนาช่องทางออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย พร้อมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
3. New Core Business + Current Market: สร้างบริการใหม่ในตลาดเดิม
พัฒนาบริการ SaaS ผ่าน JIBSOFT ซึ่งออกแบบระบบสำหรับการจัดการองค์กร เช่น ระบบบัญชี ระบบ CRM และ ERP รวมถึง Customer Experience Management (CXM) สำหรับตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรและ SMB เพื่อช่วยองค์กรต่าง ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาด IT ที่เปลี่ยนแปลง
บริการ Training & Workshop ให้การฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้งานซอฟต์แวร์ การวิเคราะห์ข้อมูล และกระบวนการดิจิทัลแก่ลูกค้าองค์กร
4. New Core Business + New Market: พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ในตลาดใหม่
พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลและบริการใหม่ เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) ที่สามารถตอบโจทย์ตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการสนับสนุนธุรกิจ B2B ระดับภูมิภาค
การเข้าสู่ธุรกิจ Carbon Credit Solutions ที่สนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ในการลดรอยเท้าคาร์บอน ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืน
การนำเสนอโซลูชัน Digital Transformation Consulting เพื่อช่วยลูกค้าองค์กรวางแผนการทรานส์ฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจร
การพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะสำหรับองค์กร (Customized Software Development) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การศึกษา การเงิน และโลจิสติกส์
Part 5: BUSINESS MODEL CANVAS
การพัฒนนาโมเดลธุรกิจใหมของ J.I.B. Computer Group

1. Customer Segments (กลุ่มลูกค้า)
J.I.B. Computer Group ให้บริการแก่ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มลูกค้า B2C, B2B, ภาครัฐ, อุตสาหกรรมเฉพาะ และ กลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ควบคู่ไปกับเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาด IT และ E-Commerce รวมถึงธุรกิจการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร
อ่านต่อ
กลุ่มลูกค้ารายบุคคล (B2C)
กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป: ผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ IT ที่มีคุณภาพสูงและบริการหลังการขายที่ไว้วางใจได้
กลุ่ม Gen Z และ Millennials: ผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่มองหาประสบการณ์การซื้อที่ Seamless และรวดเร็ว โดยเน้นการช็อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และมือถือ รวมถึงต้องการการบริการที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalized Experience)
กลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B):
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs): กลุ่มธุรกิจที่ต้องการโซลูชัน IT ครบวงจร เช่น ระบบการจัดการคำสั่งซื้อ (OMS) และระบบคลังสินค้า (WMS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
องค์กรขนาดใหญ่: บริษัทที่ต้องการเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบ Business Intelligence (BI) หรือโซลูชัน Customer Experience Management (CXM) เพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า
กลุ่มลูกค้าภาครัฐ (Government)
หน่วยงานภาครัฐที่ต้องการระบบ IT ที่มีความปลอดภัยสูงและสามารถรองรับความต้องการเฉพาะของโครงการ เช่น ระบบจัดการข้อมูล (Knowledge Management)
กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมเฉพาะ (Industry-Specific Clients)
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการโซลูชันเฉพาะ เช่น การใช้ IoT ในการจัดการคลังสินค้า หรือ Carbon Credit Solutions เพื่อลดรอยเท้าคาร์บอน
กลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ เช่น ประเทศลาวและเมียนมา
2. Value Propositions (การเสนอคุณค่า)
บริษัทสร้างความแตกต่างและมอบคุณค่าให้กับทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าองค์กรผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ในอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce พร้อมด้วยการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร ประกอบด้วย
ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง (High-Quality Products & Services)
เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย (Advanced Technology)
บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform Services)
ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalized Customer Experience)
ความสะดวกและการเข้าถึงง่าย (Convenience and Accessibility)
ความยั่งยืน (Sustainability)
3. Customer Relationships (ความสัมพันธ์กับลูกค้า)
มุ่งเน้นการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในทุกกลุ่ม ด้วยกลยุทธ์และเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มความภักดี (Customer Loyalty) และยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) โดยครอบคลุมทั้งลูกค้ารายย่อย (B2C) และลูกค้าองค์กร (B2B)
อ่านต่อ
การออกแบบประสบการณ์ลูกค้าแบบ Omnichannel รองรับการซื้อสินค้าผ่านทุกช่องทางแบบไร้รอยต่อ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ซื้อสินค้าออนไลน์แล้วไปรับที่หน้าร้าน อัตราความพึงพอใจของลูกค้า Omnichannel สูงถึง 90% ลดการละทิ้งตะกร้าสินค้าในช่องทางออนไลน์ลง 10%
การสนับสนุนและบริการลูกค้า (Customer Support) มีศูนย์ Call Center และบริการลูกค้าออนไลน์ผ่าน Chatbot และ Live Chat ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าและบริการ, JIB AI Chatbot มาใช้ช่วยตอบคำถามแบบเรียลไทม์ เช่น การตรวจสอบสถานะคำสั่งซื้อ ลดเวลาการตอบคำถามของลูกค้าได้ถึง 50% ความพึงพอใจจากบริการลูกค้าเพิ่มขึ้น (Customer Satisfaction Score) 20%
การรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย (After-Sales Service) นโยบายการรับประกันสินค้าและการซ่อมแซมที่รวดเร็ว พร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ บริการเปลี่ยนสินค้าภายใน 7 วันในกรณีที่สินค้าเสียหาย ลดอัตราการร้องเรียนของลูกค้าลง 15% สร้างความไว้วางใจในแบรนด์และการซื้อซ้ำ
การส่งเสริมการขายแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเพื่อส่งโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล เช่น การส่งอีเมลโปรโมชั่นสินค้า IT ที่ลูกค้าเคยซื้อหรือสนใจผ่านระบบ Automation อัตรา Conversion Rate จากแคมเปญการตลาดเพิ่มขึ้น 15% สร้างความพึงพอใจในความต้องการเฉพาะบุคคล
จัดกิจกรรมและ Roadshows เพื่อพบปะลูกค้า เช่น การสาธิตผลิตภัณฑ์ใหม่ การจัดกิจกรรมลดราคาพิเศษในงาน Commart
การสร้างชุมชนลูกค้า (Customer Community) สร้างกลุ่มลูกค้าใน Social Media เช่น Facebook Group, Discord เพื่อให้ลูกค้าแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า สนับสนุนให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นหรือรีวิวสินค้าช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และ Engagement Rate ใน Social Media เพิ่มขึ้น 30%
โปรแกรมสะสมคะแนน JIB Rewards Loyalty Program แลกเป็นส่วนลดหรือสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดพิเศษ บริการจัดส่งฟรี ฟีเจอร์ Personalized Rewards ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อเสนอที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการซื้อ จำนวนสมาชิก Loyalty Program เพิ่มขึ้น 40% ภายในปี 2023 ลูกค้าสมาชิกมีการใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่าลูกค้าทั่วไป 25%
มีทีมเพื่อดูแลลูกค้าองค์กรแบบเฉพาะเจาะจง พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าและโซลูชัน IT ที่เหมาะสม รายได้จากกลุ่ม B2B เพิ่มขึ้น 15% ต่อปี ความพึงพอใจจากลูกค้าองค์กร (B2B Customer Satisfaction) สูงถึง 90%
4. Channels (ช่องทาง)
ใช้ช่องทางการสื่อสารและจัดจำหน่ายหลากหลายรูปแบบเพื่อเข้าถึงลูกค้า ทั้งกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป (B2C) และกลุ่มองค์กร (B2B) โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบ Omnichannel ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ
อ่านต่อ
ช่องทางออฟไลน์ (Offline Channels) มีหน้าร้านกว่า 160 สาขาทั่วประเทศ และการจัดแสดงสินค้าผ่าน Event และ Roadshow เช่น การสนับสนุนงาน Esports ยอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ระหว่างการจัดกิจกรรม และช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในกลุ่มเป้าหมายใหม่ในกลุ่ม Gen Z และ Millennials
ช่องทางออนไลน์ (Online Channels)
เว็บไซต์ E-Commerce ของ J.I.B. (JIB Online) เป็นแพลตฟอร์มหลักที่สร้างรายได้จากการขายออนไลน์ รองรับระบบ Mobile-First Design และ One-Click Checkout เพื่อประสบการณ์ที่สะดวกสำหรับลูกค้า
แพลตฟอร์ม E-Marketplace เช่น Lazada, Shopee เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและเข้าถึงลูกค้าออนไลน์ โดยมีการใช้ระบบ AI ในการจัดการคำสั่งซื้อที่เข้ามาผ่าน Marketplace ลดเวลาการตอบสนองคำสั่งซื้อลง 25%
ช่องทาง Social Media ใช้ Facebook, Instagram, TikTok และ YouTube ในการสื่อสารกับลูกค้า เน้นการ Live Commerce ผ่าน Facebook และ TikTok เพื่อสร้างยอดขายแบบเรียลไทม์ การขายผ่าน Marketplace และ Social Media เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่กว่า 100,000 คนในปีที่ผ่านมา
Mobile Application แอป JIB Rewards สำหรับลูกค้าสมาชิก Loyalty Program รวมฟีเจอร์สะสมแต้ม แลกรับสิทธิพิเศษ และติดตามโปรโมชั่น มีผู้ดาวน์โหลดแอปมากกว่า 1 ล้านครั้ง
การขนส่งและจัดส่งสินค้า (Delivery Channels) ใช้ระบบจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติและพันธมิตรขนส่ง เช่น Kerry และ DHL เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว ลดเวลาในการจัดส่งสินค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ถึง 30%ขยายเครือข่ายจัดส่งสินค้าไปยังประเทศลาวและเมียนมาเปิดตลาดใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มยอดขาย 5%
การขายตรงให้กับลูกค้าองค์กรและหน่วยงานภาครัฐ
5. Revenue Streams (แหล่งรายได้)
J.I.B. Computer Group สร้างแหล่งรายได้จากหลายช่องทาง โดยมุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาโซลูชันใหม่เพื่อสร้างความหลากหลายของรายได้
อ่านต่อ
รายได้จากการขายสินค้า IT (IT Product Sales) รายได้หลักมาจากการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น โน้ตบุ๊ก พีซี อุปกรณ์เกมมิ่ง และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ เช่น CPU, GPU, เมนบอร์ด ฯลฯ การขายซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เช่น Microsoft Office, Adobe, และซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย (Antivirus) การขายอุปกรณ์เสริม (Accessories) เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ คิดเป็น 80% ของรายได้รวมของบริษัท
รายได้จากช่องทาง E-Commerce (E-Commerce Revenue) เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 200 ล้านบาท การเติบโตเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี ได้ JIB Online คิดเป็น 80% ของรายได้จากการขายออนไลน์ทั้งหมด และช่องทาง Third-party Platforms เช่น Lazada และ Shopee มีรายได้รวมคิดเป็น 20% ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด
รายได้จากบริการหลังการขาย (After-Sales Services) เช่น การรับประกันสินค้า การซ่อมแซม และการบำรุงรักษา
รายได้จากการตลาดและโฆษณา (Marketing & Advertising Revenue) เช่น การโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มของ JIB Online ร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ ในการจัดแคมเปญโปรโมชัน ช่วยสร้างรายได้เสริมอย่างต่อเนื่อง
รายได้จากการให้คำปรึกษาและพัฒนาโซลูชัน IT (IT Consulting & Solutions) การบริการหลังการขายช่วยสร้างความภักดีของลูกค้า และช่วยเพิ่มรายได้เสริมจากค่าบริการ
รายได้จากแพลตฟอร์มและ SaaS (Platform & SaaS Revenue) ดำเนินการโดย JIBSoft เช่น ระบบ CRM, Order Management System (OMS), และ Customer Experience Management (CXM) คิดเป็น 10% ของรายได้รวม ในปี 2024
รายได้จากการขายผ่านธุรกิจองค์กร (B2B Revenue) เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษา โดย J.I.B. ให้บริการสินค้าและโซลูชัน IT แบบครบวงจร การจัดโครงการและงานประมูล เช่น การจัดหาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ IT สำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รายได้จาก B2B เพิ่มขึ้น 12% ต่อปี ขยายฐานลูกค้าองค์กรใหม่กว่า 100 องค์กรต่อปี ขยายฐานลูกค้า SMEs เพิ่มขึ้น 20%
รายได้จากโครงการพิเศษ (Special Projects Revenue) บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, IoT และ Blockchain Solutions ช่วยสร้างมูลค่าระยะยาว รวมถึง Carbon Credit Solutions แพลตฟอร์มที่ช่วยองค์กรลดรอยเท้าคาร์บอนและบริหารคาร์บอนเครดิต
6. Key Activities (กิจกรรมสำคัญ)
มุ่งเน้นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความสามารถทางธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างความแตกต่างในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้า กิจกรรมสำคัญเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการซัพพลายเชน การบริหารสินค้าคงคลัง การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ไปจนถึงการการบริการหลังการขายและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและพันธมิตรในระยะยาว
อ่านต่อ
การจัดการและปรับปรุงซัพพลายเชน (Supply Chain Management) เช่น ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse) ใช้ Autonomous Mobile Robots (AMRs) เพื่อเพิ่มความแม่นยำถึง 99.99% ลดต้นทุนแรงงานลง 60% เพิ่มความเร็วในการจัดการคำสั่งซื้อและส่งมอบสินค้าได้ถึง 30% และยังสามารถรองรับการจัดการคำสั่งซื้อจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) ใช้ Big Data และ Predictive Analytics เพื่อคาดการณ์แนวโน้มสินค้าขายดี และปรับสมดุลสต็อกให้เหมาะสมกับความต้องการ
บริการหลังการขาย (After-Sales Services) และ การให้บริการลูกค้า (Customer Service Activities) เช่น การรับประกันสินค้า การซ่อมแซม และการให้คำปรึกษาด้าน IT สำหรับลูกค้าบุคคลและองค์ก
การพัฒนาและดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform Development & Maintenance)
JIB Online: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีส่วนแบ่งรายได้ออนไลน์ถึง 80% พัฒนาด้วยฟีเจอร์ Mobile-First Shopping, ระบบ One-Click Checkout และการรองรับ e-Wallet
JIBSoft: บริการ SaaS เช่น CRM, Order Management System (OMS), Warehouse Management System (WMS) และ Customer Experience Management (CXM)
การวิเคราะห์ข้อมูล (Big Data Analytics) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และนำเสนอสินค้า/โปรโมชั่นที่เหมาะสมในแบบเฉพาะบุคคล
การพัฒนานวัตกรรม AI เช่น ระบบ JIB AI ระบบ Chatbot อัจฉริยะสำหรับ Business Intelligence (BI) และ Knowledge Management (KM) ที่ช่วยตอบคำถามลูกค้าและแนะนำสินค้าแบบ Personalized และเพิ่มความแม่นยำในการให้คำแนะนำสินค้าและบริการ
การพัฒนาโซลูชันสำหรับธุรกิจองค์กร เช่น บริการ IT สำหรับ SMEs และ Carbon Credit Solutions
การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี (Innovation & Technology Development)
การวิเคราะห์ข้อมูล (Big Data Analytics) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และนำเสนอสินค้า/โปรโมชั่นที่เหมาะสมในแบบเฉพาะบุคคล
การพัฒนานวัตกรรม AI เช่น ระบบ JIB AI ระบบ Chatbot อัจฉริยะสำหรับ Business Intelligence (BI) และ Knowledge Management (KM) ที่ช่วยตอบคำถามลูกค้าและแนะนำสินค้าแบบ Personalized และเพิ่มความแม่นยำในการให้คำแนะนำสินค้าและบริการ
การพัฒนาโซลูชันสำหรับธุรกิจองค์กร เช่น บริการ IT สำหรับ SMEs และ Carbon Credit Solutions
การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน (Employee Training & Development) อบรมพนักงานในด้าน AI, Data Analytics และ UX/UI Design จัดโครงการ Upskilling & Reskilling เพื่อให้พนักงานสามารถใช้งานเทคโนโลยีใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
การขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ (Market Expansion Activities) เช่น ลาวและเมียนมา เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่
7. Key Resources (ทรัพยากรสำคัญ)
ใช้ทรัพยากรสำคัญหลากหลายประเภทเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสร้างความแตกต่าง พร้อมทั้งสร้างโอกาสใหม่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล ทรัพยากรเหล่านี้ครอบคลุมด้าน เทคโนโลยี ทรัพยากรมนุษย์ โครงสร้างพื้นฐาน แบรนด์ ฐานข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญา ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน
อ่านต่อ
โครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายสาขา (Physical Infrastructure & Branch Network) J.I.B. มีเครือข่ายร้านค้าสาขากว่า 160 แห่งทั่วประเทศที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าทั้งในเมืองและชนบทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทรัพยากรบุคคลและทีมผู้เชี่ยวชาญ (Human Resources & Expertise) J.I.B. มีทีมงานที่เชี่ยวชาญในด้าน IT, การตลาดดิจิทัล, และการให้บริการหลังการขาย
แบรนด์และความน่าเชื่อถือ (Brand & Reputation) J.I.B. ชื่อเสียงในฐานะผู้นำตลาด IT ด้วยประสบการณ์กว่า 23 ปี ได้รับรองจากแบรนด์ระดับโล เช่น Microsoft, Intel, และ HP ที่มอบสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
เทคโนโลยีและระบบดิจิทัล (Technology & Digital Systems)
E-Commerce Platform: JIB Online ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ที่มีส่วนแบ่งรายได้มากถึง 80% ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด
คลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse) การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) และเครือข่าย Supply Chain Management การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management)
ระบบ SaaS เช่น CRM, Order Management System (OMS), Warehouse Management System (WMS) และ Customer Experience Management (CXM)
Big Data & Analytics: ใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและวางกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Personalization
ระบบ JIB AI Chatbot สำหรับตอบคำถามและแนะนำสินค้าตามความต้องการของลูกค้า
ฐานข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญา (Data Assets & Intellectual Property ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้า และข้อมูลจากโปรแกรม JIB Rewards ที่ช่วยวางแผนกลยุทธ์การตลาดและเพิ่มการซื้อซ้ำ รวมถึงโซลูชันที่พัฒนาโดย JIBSOFT เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) และ JIB AI ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ช่วยสร้างความแตกต่างในตลาด ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และเพิ่มรายได้จากการให้บริการซอฟต์แวร์ (SaaS)
ทุนทางการเงิน (Financial Resources) งบประมาณการลงทุนในระบบเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน รวมถึงงบประมาณในการขยายสาขาและการเจาะตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาวและเมียนมา ช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวและรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม IT และดิจิทัล
8. Key Partnerships (พันธมิตรสำคัญ)
บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในหลายภาคส่วน เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจ ขยายผลิตภัณฑ์และบริการ และเพิ่มโอกาสในการเติบโตระยะยาว ความร่วมมือนี้ครอบคลุมทั้งด้านเทคโนโลยี การจัดจำหน่าย นวัตกรรม และ ความยั่งยืน ส่งผลให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมขยายฐานลูกค้า B2C และ B2B อย่างต่อเนื่อง การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างโอกาสใหม่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
อ่านต่อ
ผู้ผลิตสินค้า IT ระดับโลก (Global IT Manufacturers) เช่น Microsoft, Intel, Dell, Lenovo, ASUS, HP, Huawei และ Apple ช่วยให้ J.I.B. สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม
พันธมิตรด้าน E-Commerce และ Marketplace (E-Commerce Platforms) เช่น Lazada, Shopee, JD Central และ Facebook Marketplace ช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่และสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Logistics Providers) เช่น Kerry Express, Flash Express และ DHL เพื่อให้การจัดส่งสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
พันธมิตรด้านการเงินและการชำระเงิน (Financial & Payment Partners) เช่น ธนาคารชั้นนำและผู้ให้บริการ e-Wallet อย่าง TrueMoney, Rabbit Line Pay และ ShopeePay เพิ่มตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายสำหรับลูกค้า
ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology Partnerships) เช่น Quicktron และบริษัทผู้พัฒนาระบบ IoT ใช้หุ่นยนต์ Autonomous Mobile Robots (AMRs) ในคลังสินค้าเพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดต้นทุน นำระบบ IoT และ AI มาช่วยในการจัดการสินค้าคงคลังและการวิเคราะห์ข้อมูล
พันธมิตรด้านบริการ SaaS และซอฟต์แวร์ (SaaS & Software Partners) เพื่อรองรับธุรกิจ B2B และ B2C
ภาคการศึกษา องค์กร และหน่วยงานภาครัฐ (Educational, Enterprise, and Government Partners) ในการให้บริการ IT Solutions และจัดอบรมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล
การร่วมมือกับองค์กรขนาดใหญ่และ SMEs: จัดหาโซลูชัน IT แบบครบวงจร เช่น CRM, WMS และ Carbon Credit Solutions
สื่อและแพลตฟอร์มโฆษณา (Media & Advertising Platforms) เช่น Google Ads, Facebook Ads และ TikTok ใช้การตลาดแบบดิจิทัลเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
พันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Environmental & Sustainability Partners) พัฒนาบริการ Carbon Credit Solutions เพื่อสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ในการลดรอยเท้าคาร์บอนผ่านการจัดการคาร์บอนเครดิต
9. Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน)
การบริหารโครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพของ J.I.B. Computer Group ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมของบริษัทลง 15%-20% ในปี 2024 ผ่านการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แต่ยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้โดยมีอัตรากำไร (Profit Margin) เพิ่มขึ้นมากถึง 10% สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
อ่านต่อ
ต้นทุนสินค้า ต้นทุนการจัดซื้ออุปกรณ์ IT, ซอฟต์แวร์, และสินค้าไอทีจากผู้ผลิตระดับโลก เช่น Dell, HP, Lenovo, ASUS, Huawei และ Apple
ต้นทุนการดำเนินงานคลังสินค้า การจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพด้วยระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ
เช่น Autonomous Mobile Robots (AMRs) ช่วยลดต้นทุนแรงงาน 60%
ค่าใช้จ่ายด้าน IoT และระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System - WMS) ลดต้นทุนการจัดการคลังสินค้าลง 15%
ค่าใช้จ่ายสำหรับแคมเปญการตลาดดิจิทัล เช่น Google Ads, Facebook Ads, TikTok และ SEO การพัฒนาโปรแกรม Loyalty Program เช่น JIB Rewards เพื่อสร้างความภักดีของลูกค้า ค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารแพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น JIB Online, Shopee, และ Lazada
เพิ่ม Traffic บนแพลตฟอร์ม JIB Online ได้ถึง 25% และลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าลง 20%
ค่าใช้จ่ายด้านการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผ่านพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ เช่น Kerry Express, Flash Express, และ DHL
การลงทุนในระบบ IoT และ AI เพื่อปรับปรุงการจัดการซัพพลายเชน
ลดเวลาการจัดส่งสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลลงเหลือ 24 ชั่วโมง
เพิ่มอัตราความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) ในการจัดส่งสินค้าได้ถึง 90%
การพัฒนาโซลูชัน Omnichannel ที่เชื่อมต่อระหว่างสาขาและช่องทางออนไลน์
การลงทุนพัฒนาโซลูชัน SaaS เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) แล ระบบ Personalized Marketing
JIB AI Chatbot ช่วยลดต้นทุนการบริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามได้ 24/7
ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Predictive Analytics, IoT และระบบ Knowledge Management (KM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูล
ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า
การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing
ต้นทุนการตลาดและการขาย
ค่าใช้จ่ายสำหรับแคมเปญการตลาดดิจิทัล เช่น Google Ads, Facebook Ads, TikTok และ SEO การพัฒนาโปรแกรม Loyalty Program เช่น JIB Rewards เพื่อสร้างความภักดีของลูกค้า ค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารแพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น JIB Online, Shopee, และ Lazada
เพิ่ม Traffic บนแพลตฟอร์ม JIB Online ได้ถึง 25% และลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าลง 20%
ค่าใช้จ่ายด้านการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผ่านพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ เช่น Kerry Express, Flash Express, และ DHL
การลงทุนในระบบ IoT และ AI เพื่อปรับปรุงการจัดการซัพพลายเชน
ลดเวลาการจัดส่งสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลลงเหลือ 24 ชั่วโมง
เพิ่มอัตราความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) ในการจัดส่งสินค้าได้ถึง 90%
การพัฒนาโซลูชัน Omnichannel ที่เชื่อมต่อระหว่างสาขาและช่องทางออนไลน์
การลงทุนพัฒนาโซลูชัน SaaS เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) แล ระบบ Personalized Marketing
JIB AI Chatbot ช่วยลดต้นทุนการบริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามได้ 24/7
ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Predictive Analytics, IoT และระบบ Knowledge Management (KM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูล
ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า
การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing
ต้นทุนโลจิสติกส์และการจัดส่ง
ค่าใช้จ่ายด้านการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผ่านพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ เช่น Kerry Express, Flash Express, และ DHL
การลงทุนในระบบ IoT และ AI เพื่อปรับปรุงการจัดการซัพพลายเชน
ลดเวลาการจัดส่งสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลลงเหลือ 24 ชั่วโมง
เพิ่มอัตราความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) ในการจัดส่งสินค้าได้ถึง 90%
การพัฒนาโซลูชัน Omnichannel ที่เชื่อมต่อระหว่างสาขาและช่องทางออนไลน์
การลงทุนพัฒนาโซลูชัน SaaS เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) แล ระบบ Personalized Marketing
JIB AI Chatbot ช่วยลดต้นทุนการบริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามได้ 24/7
ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Predictive Analytics, IoT และระบบ Knowledge Management (KM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูล
ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า
การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing
ต้นทุนการจัดการและบำรุงรักษาสาขา ค่าเช่าพื้นที่, ค่าบำรุงรักษา, และค่าสาธารณูปโภคสำหรับสาขามากกว่า 160 แห่งทั่วประเทศไทย
ต้นทุนการพัฒนาและบำรุงรักษาเทคโนโลยี
การพัฒนาโซลูชัน Omnichannel ที่เชื่อมต่อระหว่างสาขาและช่องทางออนไลน์
การลงทุนพัฒนาโซลูชัน SaaS เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) แล ระบบ Personalized Marketing
JIB AI Chatbot ช่วยลดต้นทุนการบริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบคำถามได้ 24/7
ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Predictive Analytics, IoT และระบบ Knowledge Management (KM) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูล
ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า
การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing
ต้นทุนด้านพันธมิตรและการร่วมมือ การลงทุนร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาบริการใหม่ เช่น Carbon Credit Solutions และ Customer Experience Management (CXM) ช่วยสร้างรายได้จากบริการ SaaS และโซลูชันองค์กรเพิ่มขึ้น 15% ของรายได้รวม
ต้นทุนด้านบุคลากร
ค่าจ้างพนักงานในสาขาและทีมงานในส่วนต่าง ๆ เช่น ทีมพัฒนาเทคโนโลยี, ทีมการตลาด และทีมสนับสนุนลูกค้า
การลงทุนในการ Upskill และ Reskill พนักงานในด้านเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ Digital Marketing
ต้นทุนการบริหารจัดการ ค่าใช้จ่ายในการบริหารสำนักงาน, การจัดการทรัพยากรบุคคล, และการบริหารโครงการดิจิทัล
Part 6: DIGITAL TRANSFORMATION CANVAS
ถอดรหัสการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ความสำเร็จของ J.I.B. Computer Group ด้วย DIGITAL TRANSFORMATION CANVAS

ส่วนที่ 1: ตั้งหลักทรานส์ฟอร์ม
01. Define New Core Business
การประเมินธุรกิจหลักใหม่
J.I.B. Computer Group ได้ขยายขอบเขตจากการเป็น "ผู้จัดจำหน่ายสินค้า IT และ E-Commerce" สู่การเป็น "ผู้นำในการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร (Comprehensive Digital Solutions Provider)" เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาด IT และดิจิทัลทั้งในประเทศไทยและระดับภูมิภาค
02. Define New Value Proposition
นำเสนอข้อเสนอทางคุณค่าใหม่ของธุรกิจ
มุ่งเน้นการนำเสนอโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าในยุคดิจิทัล ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย
อ่านต่อ
อาทิ
JIB AI สำหรับการบริหารจัดการข้อมูลและการบริการลูกค้า
แพลตฟอร์ม JIBSOFT SaaS ที่ตอบโจทย์การจัดการธุรกิจแบบครบวงจร พร้อมด้วยระบบ OMS และ WMS ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
CXM (Customer Experience Management) ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า
Personalized Marketing พัฒนาระบบการตลาดเฉพาะบุคคล เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อที่ราบรื่น (Seamless) ตอบสนองกลุ่มลูกค้า Gen Z และ Millennials ซึ่งมองหาความสะดวก รวดเร็ว และความเชื่อถือได้
สร้างความแตกต่างด้วยความเชี่ยวชาญในการให้ บริการหลังการขาย และการสนับสนุนอย่างครอบคลุม ที่คู่แข่งยากต่อการลอกเลียนแบบ
03. Define New Business Model
ออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่
J.I.B. Computer Group ได้มีพัฒนารูปแบบธุรกิจครอบคลุมทั้งการผสานช่องทางการจัดจำหน่ายแบบ Omnichannel การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การมอบโซลูชัน SaaS และการสนับสนุนความยั่งยืน ผสานการใช้เทคโนโลยี AI, Big Data, และ Predictive Analytics ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ตลาดและการบริหารจัดการ ทำให้บริษัทสามารสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล
5 โมเดลธุรกิจของ J.I.B.
1. ธุรกิจ E-Commerce และ Omnichannel
ขยายการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ JIB Online, Shopee, Lazada, และ JD Central
พัฒนา Omnichannel ที่เชื่อมต่อการซื้อสินค้าแบบออนไลน์และออฟไลน์เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อแบบไร้รอยต่อ (Seamless Shopping Experience)
2. ธุรกิจบริการ SaaS (Software as a Service)
ให้บริการโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมการจัดการธุรกิจ เช่น
Order Management System (OMS) และ Warehouse Management System (WMS)
Customer Relationship Management (CRM)
Customer Experience Management (CXM) เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า
ใช้แพลตฟอร์ม JIBSOFT เพื่อส่งมอบบริการให้กับ SMEs และองค์กร
UX/UI Design
การให้คำปรึกษาด้าน Digital Transformation
Data & Analytics Consulting
3. ธุรกิจนวัตกรรม AI และ Big Data
เปิดตัว JIB AI Chatbot สำหรับการให้บริการลูกค้าแบบเรียลไทม์
ใช้ Big Data Analytics และ Predictive Analytics ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและคาดการณ์แนวโน้มการซื้อ
เพิ่มความแม่นยำในการนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Marketing)
4. ธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์และบริการที่ปรับแต่งได้ (Customized Development Services)
ให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะทาง เช่น
UX/UI Design
การให้คำปรึกษาด้าน Digital Transformation
Data & Analytics Consulting
จัดการฝึกอบรมและเวิร์กช็อปเพื่อเพิ่มทักษะทางดิจิทัลให้กับลูกค้าองค์กร
5. ธุรกิจการจัดการความยั่งยืน (Sustainability Solutions)
พัฒนาแพลตฟอร์ม Carbon Credit Solutions เพื่อช่วยองค์กรลดรอยเท้าคาร์บอน
นำเสนอสินค้าและบริการที่เน้นความยั่งยืน เช่น การลดการใช้ทรัพยากรในกระบวนการจัดส่งและการจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนที่ 2: สร้างความสามารถใหม่ด้านดิจิทัล
04. Identify Existing Digital Capabilities
ประเมินขีดความสามารถด้านดิจิทัลในปัจุบัน
ก่อนการดำเนินการทรานส์ฟอร์มธุรกิจในปี 2015 บริษัทมีการใช้ระบบไอที การบูรณาการข้อมูล และระบบอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม
05. Develop New Digital Capabilities
กำหนดขีดความสามารถใหม่ด้านดิจิทัล
AI-Powered Predictive Analytics เพื่อคาดการณ์แนวโน้มการซื้อของลูกค้าในเชิงลึก ปรับปรุง JIB AI Chatbot ให้สามารถตอบคำถามเชิงลึก พร้อมให้คำแนะนำที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalized Recommendations) ได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความเร็วในการตอบคำถามลูกค้า 30% และลดอัตราการตอบคำถามผิดพลาดลง 20%
Customer Experience Management (CXM) ด้วยระบบ Omnichannel Integration รวมช่องทางการสื่อสารและการจัดจำหน่ายทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวผ่าน Omnichannel Platform ลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าลง 20% และเพิ่มคะแนนความพึงพอใจลูกค้า (Customer Satisfaction Score) ขึ้น 25%
SaaS (Software as a Service) Expansion ขยายบริการ SaaS เช่น Order Management System (OMS), Warehouse Management System (WMS), และ CRM สู่ตลาด B2B ตั้งเป้าหมายให้รายได้จาก SaaS คิดเป็น 15% ของรายได้รวม
Blockchain Payment System ปรับปรุงระบบในการทำธุรกรรมเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัย ลดการร้องเรียนเรื่องธุรกรรมผิดพลาดลง 15% ภายในปีแรก
IoT-Enabled Supply Chain Management เพื่อติดตามและจัดการคลังสินค้าแบบเรียลไทม์
Digital Twin Technology เพื่อจำลองการดำเนินงานในโลกดิจิทัล ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ
06. Digital Initiatives & Roadmap
วางแผนและสร้างขีดความสามารถด้านดิจิทัลจากปัจจุบันไปสู่อนาคต
ปี 2024 ขยายข้อเสนอเพื่อรวมโซลูชันอัจฉริยะโดยผสานรวม AI และเทคโนโลยีข้อมูลขั้นสูงเพื่อเสริมพลังให้ธุรกิจบรรลุนวัตกรรมและประสิทธิภาพที่มากขึ้น อาทิ JIB AI: Business Intelligence (BI), Knowledge Management (KM) และ Customer Service (Chatbot)
ปี 2021 เปิดตัวโซลูชันแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติและใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจตามข้อมูล
ปี 2017 เริ่มให้บริการลูกค้าโดยเน้นที่การพัฒนาแพลตฟอร์มตามโครงการที่กำหนดเองและการให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การให้คำปรึกษาด้านข้อมูลและการวิเคราะห์ การฝึกอบรมและเวิร์กช็อป
ปี 2016 ก่อตั้งบริษัท JIBSoft จำกัด ด้วยภารกิจในการขยายมรดกแห่งความสำเร็จของ J.I.B. Computer Group ไปสู่ขอบเขตของโซลูชันซอฟต์แวร์อัจฉริยะครบวงคจรและสนับสนุน J.I.B. Computer Group ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มอบโซลูชันเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อาทิ JESS (JIB Enterprise Software System), O2O Commerce solution, ระบบ Customer Experience Management (CXM), ระบบ Order Management System (OMS) & Warehouse Management System (WMS), การพัฒนาซอฟต์แวร์และการออกแบบ UX/UI
ปี 2015 พัฒนาระบบการควบคุมสินค้าคงคลังอัจฉริยะ สามารถควบคุมสินค้าคงคลังในระดับ SKU เพื่อให้แต่ละ SKU มีปริมาณไม่เกินจำนวนที่สามารถขายหมดภายใน 30 วัน และมีสต็อกเพียงพอต่อความต้องการอย่างแม่นยำ 95% พบว่าคำแนะนำของระบบสามารถช่วยลดต้นทุนการสั่งซื้อและการจัดเก็บได้ 4.46% และลดกระแสเงินสดที่จำเป็นสำหรับการซื้อสินค้าได้ 23.10%
ส่วนที่ 3: Transformation in Action
07. Organizational Transformation
ออกแบบการเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล
J.I.B. ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างครอบคลุมเพื่อตอบสนองความท้าทายของยุคดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ตั้งแต่การปรับปรุงวิสัยทัศน์ พันธกิจ โครงสร้างองค์กร วัฒนธรรมองค์กร ระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในกระบวนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มุ่งเน้นการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และการเสริมความสามารถของบุคลากรในยุคดิจิทัล การดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ช่วยเปลี่ยนแปลงองค์กรให้มีความทันสมัย ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านต่อ
กิจกรรมการดำเนินงานที่สำคัญ:
กำหนดวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ จากการเป็นผู้นำผู้จัดจำหน่ายสินค้า IT และ E-Commerce สู่การเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชันดิจิทัลครบวงจร
พัฒนาโปรแกรม Digital Upskilling สำหรับพนักงาน เช่น การฝึกอบรม AI, Big Data และระบบ Cloud เพื่อเพิ่มทักษะด้านดิจิทัล
สร้างแผนก Digital Innovation Unit เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันใหม่สำหรับลูกค้าและองค์กร
ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ให้มีความยืดหยุ่นและรองรับการทำงานแบบ Agile เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนองต่อตลาด
ลงทุนในระบบ IT Infrastructure ใหม่ เช่น ระบบคลาวด์และแพลตฟอร์ม CXM เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันและการให้บริการลูกค้า
นำระบบ KPI ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล มาใช้เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานในทุกมิติ
ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ผ่านกิจกรรมภายในองค์กร เช่น Hackathon หรือ Idea Lab
พัฒนาระบบ HR Management Platform ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารบุคลากร เช่น ระบบ e-Learning และการจัดการประสิทธิภาพพนักงาน
สร้างแผน Roadmap การเปลี่ยนแปลงองค์กร 5 ปี ที่ชัดเจน โดยกำหนดเป้าหมายในแต่ละปีเพื่อการติดตามและปรับปรุง
พัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อร่วมพัฒนานวัตกรรมและเพิ่มศักยภาพขององค์กร
08. Agile Strategy & Planning
เปลี่ยนกลยุทธ์และการดำเนินงานด้วยแนวคิด Agile
มุ่งเน้น ความยืดหยุ่นและความรวดเร็ว ในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม IT และ E-Commerce ผ่านกลยุทธ์ Agile ที่เน้นการเรียนรู้จากผลลัพธ์ ปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ส่งผลให้องค์กรสามารถ ตัดสินใจได้ทันท่วงที ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างความสามารถในการแข่งขันใหม่ แม้ในสภาวะที่ไม่แน่นอน กลยุทธ์นี้ช่วยให้ J.I.B. สร้างโอกาสใหม่ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อ่านต่อ
การพัฒนากระบวนการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก Big Data และ AI เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ ลดเวลาในการวางแผนและนำแผนงานไปปฏิบัติจากเดิม 20%
Agile Cross-Functional Teams สร้างทีมที่มีความหลากหลายทางทักษะเพื่อลดความซับซ้อนในโครงการและส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างแผนก เช่น ทีม IT, การตลาด และการขาย
พัฒนาวัฒนธรรมการเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) ด้วยการใช้แนวทาง Iterative Planning ที่ทำให้สามารถประเมินและปรับปรุงแผนได้ทุก 2-4 สัปดาห์ และนำแนวคิด Feedback Loop มาใช้ในกระบวนการพัฒนาโซลูชัน
การบริหารโครงการแบบ Agile ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล พัฒนา Project Management Tools เพื่อติดตามความคืบหน้าและปรับแผนได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อด้วยระบบ OMS
การวางแผนกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น (Flexible Planning) ออกแบบกลยุทธ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภ ตั้งเป้าหมายการวางแผนแบบสั้น (Short-Term Goals) เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความชัดเจนในการดำเนินงาน
09. Building Collaborative Ecosystem
สร้างระบบนิเวศใหม่ที่สร้างการมีส่วนร่วมกันระหว่างในและนอกองค์กร
J.I.B. มุ่งสร้าง ระบบนิเวศความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดดิจิทัล ผ่านการร่วมมือกับ แบรนด์ IT ชั้นนำ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล และแพลตฟอร์ม E-Commerce เพื่อขยายฐานลูกค้าและพัฒนานวัตกรรมด้านโซลูชันไอที นอกจากนี้ J.I.B. ยังทำงานร่วมกับ SMEs และองค์กรขนาดใหญ่ ในการพัฒนาโซลูชันเฉพาะทางที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ความร่วมมือนี้ช่วยเพิ่ม ความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรม การเข้าถึงลูกค้า และขีดความสามารถดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
อ่านต่อ
ร่วมมือกับแบรนด์ IT ระดับโลก เช่น Dell, HP, Huawei, และ ASUS เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและล้ำสมัย
แพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น Lazada, Shopee, JD Central เพื่อขยายช่องทางการขายออนไลน์และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ เช่น DHL และ Kerry Express เพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดส่งสินค้าและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ผู้พัฒนาระบบ AI, Big Data และ IoT สำหรับการปรับปรุงระบบ OMS และ WMS เพื่อขยายฐานลูกค้าและพัฒนานวัตกรรมด้านโซลูชันไอที
JIBSoft Co., Ltd. บริษัทในเครือที่พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ เช่น JIB Enterprise Software System (JESS) และโซลูชันด้าน SaaS และ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดดิจิทัล
พันธมิตรในอุตสาหกรรมการเงิน เช่น ธนาคารและผู้ให้บริการ e-Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวกในการชำระเงิน
ร่วมกับพันธมิตรในระดับองค์กร เช่น ธุรกิจ SMEs และองค์กรขนาดใหญ่ ในการพัฒนาโซลูชันเฉพาะทางที่ตอบสนองต่อความต้องการในยุคดิจิทัล
หน่วยงานภาครัฐและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ในการสนับสนุนโครงการด้านความยั่งยืน เช่น Carbon Credit Solutions
ความสำเร็จของ J.I.B. ไม่เพียงแต่สร้างคุณค่าใหม่ให้กับองค์กร แต่ยังเป็นตัวอย่างที่สำคัญสำหรับธุรกิจไทยในการปรับตัวและสร้างความได้เปรียบในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว.
กรณีศึกษาการทรานส์ฟอร์มธุรกิจของ J.I.B. Computer Group สะท้อนถึงความสำเร็จในการปรับตัวและสร้าง New Growth Engine ที่ผสานกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงองค์กรและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างลงตัว
J.I.B. ได้สร้าง Transformer Map แผนที่ทรานสฟอร์มธุรกิจที่ชัดเจน โดยการรักษาตลาดหลัก ขยายสู่ตลาดใหม่ และพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ผ่านการนำเทคโนโลยี AI, Big Data, IoT, และ Blockchain มาใช้ในกระบวนการทำงาน เช่น ระบบ OMS, WMS และแพลตฟอร์ม JIB AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและปรับแต่งประสบการณ์ลูกค้าเฉพาะบุคคล
นอกจากนี้การออกแบบ Business Model Canvas และ Digital Transformation Canvas ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่เข้มแข็งผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญ เช่น แบรนด์ IT ระดับโลก ผู้พัฒนาระบบดิจิทัล และแพลตฟอร์ม E-Commerce ส่งผลให้ J.I.B. สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล เพิ่มความพึงพอใจ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
พร้อมหรือยังที่จะสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ให้กับองค์กรของคุณ?
ปลดล็อกการเติบโตในอนาคต ก้าวสู่ผู้นำในการเปลี่ยนผ่าน AI อย่างมั่นใจ และเร่งความสำเร็จของคุณตั้งแต่วันนี้
🚀 Accelerate: สร้างแผนธุรกิจและแผนปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนด้วย AI แผน AI Transformation & Business Plan ฉบับสมบูรณ์
🧭 AI Transformation Executive Leadership Program
หลักสูตร In-House Training ทรานส์ฟอร์มธุรกิจในยุค AI สำหรับผู้บริหาร เตรียมความพร้อมองค์กรสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนด้วยแนวทางที่เป็นระบบในการนำ AI มาใช้งาน โดยออกแบบเส้นทางการเปลี่ยนผ่าน (AI Transformation Journey) อย่างครอบคลุม ผ่านกระบวนการเชิงกลยุทธ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ผสมผสานระหว่างมุมมองเชิงปฏิบัติและเครื่องมือที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อผลักดันความสำเร็จทางธุรกิจผ่านการใช้ AI อย่างแท้จริง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
J.I.B. Computer Group. (2024). Annual Report 2024: Business and Digital Transformation Highlights. Retrieved from https://www.jib.co.th
JIBSoft Co., Ltd. (2024). JIB Enterprise Software System (JESS): Enhancing Business Operations. Retrieved from https://www.jibsoft.co.th
Department of Business Development, Thailand. (2023). Business Registration and Financial Performance Reports: J.I.B. Computer Group. Retrieved from https://www.dbd.go.th
Statista. (2023). E-Commerce Market in Thailand: Growth and Trends. Retrieved from https://www.statista.com
McKinsey & Company. (2023). Future of IT Retail in Southeast Asia. Retrieved from https://www.mckinsey.com
Pearl Abyss. (2023). Partnership Announcement with J.I.B. for Thailand's IT Market Expansion. Retrieved from https://www.pearlabyss.com
Lazada Thailand. (2023). Top E-Commerce Performance Metrics in IT and Electronics. Retrieved from https://www.lazada.co.th
Shopee Thailand. (2023). IT and Electronics Consumer Trends 2023. Retrieved from https://www.shopee.co.th
Thai Retailers Association. (2023). IT Retail Insights and Competitive Analysis. Retrieved from https://www.thairetailer.com
PwC Thailand. (2022). Digital Transformation Strategies for IT Businesses. Retrieved from https://www.pwc.com/th
Quicktron Robotics. (2023). Autonomous Mobile Robots: Case Study with J.I.B. Computer Group. Retrieved from https://www.quicktron.com
Deloitte Southeast Asia. (2022). SME Digital Transformation: Best Practices in IT Industry. Retrieved from https://www2.deloitte.com
International Data Corporation (IDC). (2023). AI and IoT in Retail: Trends and Applications in Thailand. Retrieved from https://www.idc.com
Thai E-Commerce Association. (2023). Growth of Online Retail in Thailand: Market Insights. Retrieved from https://www.thaiecommerce.org
World Economic Forum. (2023). The Future of Retail and E-Commerce in a Digital World. Retrieved from https://www.weforum.org